สวัสดีครับน้องๆ วันนี้ พี่ฟิวส์ กลับมาแล้ว เย่ๆๆๆ กลับมาพร้อมกับ “แคมป์รีวิว” อีกเช่นเคย ซึ่งในครั้งนี้พี่ฟิวส์จะพาน้องไปเที่ยวค่ายวิทย์ เอ๊ะ! หรือค่ายศิลป์ อ๋ออออ “ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4” ค่ายที่วิทย์ก็ใช่ ศิลป์ก็ชอบ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 1 – 3 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา โดยพี่ๆ “สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล” น้องๆ หลายๆ คนน่าจะสงสัยว่าศิลป์มาเกี่ยวอะไรกับวิทย์ วิทย์นี่หมายถึงหมอใช่มั้ย? ศิลป์ที่ว่านี่คืออะไร แล้วทำไมอยู่กับคณะแพทย์ศิริราช คำถามมากมายกันไป ถ้างั้นก่อนจะมาพบกับรีวิวค่าย เรามาทำความรู้จักกับสาขาวิชานี้กันก่อนดีกว่า
มาทำความรู้จักกับสาขาวิชานี้กันก่อน
“สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล” คือสาขาที่เรียนเกี่ยวกับการทำสื่อ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย วีดีโอ หุ่นจำลอง สิ่งพิมพ์ กราฟิก อนิเมชั่น คือสามารถทำได้หมด แต่! ที่พิเศษกว่าที่อื่นก็คือเราทำสื่อทางการแพทย์ ก็คือเวลาเรียนเราก็จะเรียนเกี่ยวกับการแพทย์ด้วย แต่เรียนแค่ในระดับหนึ่งไม่ถึงกับเรียนเหมือนนักศึกษาแพทย์ เพราะการที่เราจะทำสื่อทางด้านการแพทย์เนี่ย มันต้องมีความเข้าใจ มีความถูกต้อง รวมถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อที่เราจะได้นำเสนอต่อผู้ป่วยหรือประชาชน หรือบุคคลากรทางการแพทย์ได้
จบไปก็สามารถทำงานสายการแพทย์ก็ได้ หรือจะเป็นในสายงานที่เกี่ยวกับการออกแบบ กราฟิก ถ่ายภาพหรืออื่นๆ ก็ได้เช่นกัน แล้วแต่ความชอบของเรา อย่างถ้าจะไปในสายการแพทย์โดยตรงก็จะมีอาชีพเป็น นักเวชนิทัศน์ ช่างภาพทางการแพทย์ หรือนักวิชาการโสตฯ ประจำโรงพยาบาล ต่างๆ
เอ้อ ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้นะ ไม่ใช่หมออออ ฮ่าๆๆๆ
น้องๆ ก็คงจะรู้จักกับสาขาวิชานี้กันแล้ว สำหรับแคมป์รีวิวในครั้งนี้ต้องขอลาไปก่อน เอ้ยยยยย แคมป์รีวิวก็ต้องมารีวิวค่ายสิ งั้นก่อนที่เราจะไปพบกับพี่ค่ายน้องค่าย เรามารู้จักที่มาที่ไปของค่ายนี้ก่อนดีกว่า
ไปลุยค่ายกันนนนน
“ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์” เกิดขึ้นมาเพราะพี่ๆ นักศึกษาของสาขาวิชานี้อยากจะไขข้อข้องใจให้กับน้องๆ ว่าตกลงจริงๆ แล้วสาขานี้เรียนเกี่ยวกับอะไร แตกต่างจากนิเทศยังไง เพราะส่วนใหญ่ก็เข้าใจผิดว่าเป็นนิเทศ หรือไม่ก็เทคนิคการแพทย์ซะงั้น หนักๆ เข้าก็เข้าใจว่าเรียนหมอเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ
สำหรับ “ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์” ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดยในปีนี้จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยมหิลดทั้งศิริราชและศาลายาเลย โดยวันแรกก็จะมีกิจกรรมฐานเกี่ยวกับการเรียนในด้านต่างๆ ให้เข้าใจคร่าวๆ ว่าเรียนอะไรยังไง จัดที่ฝั่งศิริราช จากนั้นจะพาน้องๆ ย้ายฝั่งไปที่ศาลายา โดยในวันที่สองก็จะเป็นกิจกรรมสนุกๆ สำหรับช่วงเช้า ให้ลองเอาสิ่งที่ได้เรียนจากแต่ละฐานในวันแรกมาลองใช้ กลางคืนก็มีละคร มีสัน แล้วก็บายศรี วันสุดท้ายก็เป็นกิจกรรมวาดเส้นเล่นสี ให้น้องๆ ได้ลองดรอวอิ้ง เพ้นท์สีน้ำ
แค่เริ่มต้นมาก็สนุกแล้วใช่ม้าาาาา ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์ความสนุกมากกว่านี้ ก็เลื่อนลงไปข้างล่างพบกับพี่ค่ายและน้องค่ายเลยจ้า
มาคุยกับพี่ประธานค่าย
พี่ฟิวส์ – สวัสดีครับ พี่ช่วยแนะนำตัวหน่อยครับ
พี่เจฟฟี่ – สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่เจฟฟี่ คุณีกร อินพาเพียร กำลังศึกษาอยู่สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ตอนนี้อยู่ปี 3 ค่ะ
พี่ฟิวส์ – ทำไมพี่ถึงตัดสินใจมาเรียนที่สาขานี้เอ่ย
พี่เจฟฟี่ – คือตอนม.ปลายเนี่ย ก็เริ่มรู้ตัวเองละว่าไม่ได้ชอบวิทยาศาสตร์แบบสุดๆ ถึงแม้ว่าจะเรียนวิทย์-คณิต แต่เรายังแอบมีความชอบในวิชาศิลปะด้วย ก็เลยเริ่มหาข้อมูลว่ามหาลัยไหนคณะไหน ที่มีสอนทั้งสองอย่างควบคู่กันบ้างก็มาเจอสาขานี้ของคณะแพทย์ศิริราชนี่แหละ
พี่ฟิวส์ – อ้ออออ พี่เจฟฟี่เคยเป็นเด็กค่ายนี้มาก่อนด้วย
พี่เจฟฟี่ – ใช่แล้วจ้า
พี่ฟิวส์ – พี่เจฟฟี่ มาเป็นประธานค่ายนี้ได้ยังไงครับ
พี่เจฟฟี่ – ค่ายนี้มีครั้งแรกตอนพี่อยู่ม.6 พี่ก็เลยสมัครมา ปรากฏว่าติดค่ายก็มาเป็นเด็กค่ายก่อนเลยอันดับแรก ทีนี้พอมาค่ายก็แบบเฮ้ยยย มันโอเค นี่แหละที่ใช่ ก็แอดเข้ามาเรียน เรียนไปเรียนมาค่ายครั้งที่ 2 3 ก็เกิดขึ้น พี่ก็เข้าไปมีส่วนร่วมทุกครั้งเพราะเรารู้สึกประทับใจจากที่เรามาค่ายไง แล้วพอเราอยู่ปี 3 ต้องเป็นแม่งาน เลือกกันไปเลือกกันมาสุดท้ายก็มาเป็นพี่ แบบว่า ไหนๆ ก็ไหนอยู่มาทุกครั้งที่จัดค่ายละ งั้นก็เป็นซะเลยละกัน ฮ่าๆๆๆ
พี่ฟิวส์ – ตอนม.ปลาย พี่เคยเข้าค่ายนอกจากเด็กวิทย์หัวใจศิลป์หรือเปล่าเอ่ย
พี่เจฟฟี่ – ไม่เคยติดที่ไหนเลยค่ะ นอกจากที่นี้ ชีวิตน่าสงสารมาก ฮ่าๆๆๆๆ
พี่ฟิวส์ – มาดูกิจกรรมในค่ายกันบ้างดีกว่า ในด้านของวิชาการมีอะไรให้น้องๆ ทำบ้างเอ่ย
พี่เจฟฟี่ – ในฝั่งของวิชาการนี่ กิจกรรมฐานวันแรกเนี่ยแต่ละปีจะไม่เหมือนกันนะ อย่างครั้งล่าสุดที่พี่จัดก็จะเป็นการให้ความรู้บวกกับให้ลองทำไปด้วย คือมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ (ปรับมาจากปีก่อนๆ) โดยฐานจะมีทั้งหมด 5 ฐานคือ
โมเดล : ความรู้พื้นฐานการทำโมเดล มีให้ลองหล่อนิ้ว เป็นเทคนิคหล่อปูนปลาสเตอร์จากแม่พิมพ์อัลจิเนท
คอมพิวเตอร์ : อธิบายการใช้โปรแกรมต่างๆสร้างงานประเภทต่างๆ
ถ่ายภาพ : เทคนิคการถ่ายภาพ การใช้กล้อง DSLR เบื้องต้น
สตูดิโอ : ให้เข้าไปดูบรรยากาศสตูดิโอ ทุกคนจะได้ถ่ายภาพฟรี ให้เป็นที่ระลึกด้วยยย
เขียนบท : อันนี้ไม่ได้วิชาการมากเป็นการให้น้องๆเขียนบทละครขึ้นมาจากการเห็นสิ่งที่เราเตรียมให้ คือเปิดให้จินตนาการได้อย่างเต็มที่
พี่นะเอยแห่งแคมป์ฮับเอาวิธีการขึ้นรูปโมเดลมาให้น้องๆ ดูกันด้วย ไปดูกันจ้า
ดูรูปน้องๆ จากสตูดิโอ >>ที่นี่<<
พี่ฟิวส์ – ความรู้สึกในการเป็น น้องค่าย พี่ค่าย ประธานค่าย แตกต่างกันยังไงครับ
พี่เจฟฟี่ – เป็นน้องค่าย อันนี้มาเพื่อเอาความรู้ความสนุกและประสบการณ์ พอเป็นพี่ค่ายทีนี้ต้องเป็นคนให้ละ ก็จะรู้สึกว่ามันต้องรับผิดชอบมากขึ้นคิดมากขึ้นมองไปล่วงหน้า ทำยังไงให้น้องที่มาค่ายได้ทั้งความรู้ ทั้งความสนุก ทั้งประสบการณ์ พอเป็นประธานค่ายอันนี้รู้สึกกังวลเพราะต้องคิดให้ไกลหนักกว่าเดิม ฮ่าๆๆ ต้องวางแผน ต้องเตรียมงาน ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างและที่สำคัญคือต้องก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ตัดความกังวลแล้วพาทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ พอทำสำเร็จก็จะรู้สึกภูมิใจ รู้สึกว่าเราได้โตขึ้นมาอีกขั้น เราได้พัฒนาตัวเอง ที่สำคัญคือทุกๆ คนได้พัฒนาไปพร้อมๆ กัน
พี่ฟิวส์ – สิ่งที่พี่คาดไว้ก่อนค่ายครั้งนี้จะจัด เป็นไปตามที่พี่ตั้งเป้าหมายมั้ยเอ่ย
พี่เจฟฟี่ – ตรงตามที่คาดไว้ค่ะ น้องๆ ที่มาค่ายได้รู้และเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับสาขาว่าเรียนอะไร ทำอะไร แล้วก็มีน้องๆ ที่ชอบแล้วเลือกที่จะมาศึกษาต่อในสาขานี้ในอนาคตค่ะ
พี่ฟิวส์ – ความรู้สึกหลังจบค่ายเป็นยังไงบ้างเอ่ย
พี่เจฟฟี่ – ดีใจและภูมิใจค่ะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ทั้งต่อสาขา ต่อน้องๆ ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จนี้และ มีความสุขที่ได้เป็นผู้ให้ค่ะ
พี่ฟิวส์ – สุดท้ายนี้ อยากให้พี่ฝากอะไรถึงน้องๆ ม.ปลายที่สนใจเข้าค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ในปีต่อๆ ไปหน่อยครับผม
พี่เจฟฟี่ – ก็อยากให้น้องๆ ที่สนใจในสาขาวิชานี้คอยติดตามข่าวคราวเรื่อยๆ ทางเว็บไซต์แคมป์ฮับนี่แหละ เขียนใบสมัครค่ายก็ขอให้ติดค่าย เพื่อที่น้องๆ จะได้รู้ว่าสาขานี้จริงๆ แล้วเรียนอะไร มีดียังไง หรือถ้ารอค่ายต่อไปไม่ไหวก็มีนิทรรศการแสดงผลงานของนักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ให้น้องได้มาชมกันก่อน อย่าลืมติดตามนะค้าาาาาา
พี่ฟิวส์ – ขอบคุณพี่เจฟฟี่มากๆ ครับผม
พี่เจฟฟี่ – ขอบคุณเช่นกันจ้า
ใครรู้ตัวว่าเป็นเด็กวิทย์แต่ติสท์แตก หรือจะไม่ได้วิทย์แต่ติสท์ก็แตก ต้องมาลอง..ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ แล้วคุณจะรู้ว่า..วิทย์รวมกับศิลป์มันก็ฟินได้เหมือนกัน
– คำนิยามของค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4 จากพี่เจฟฟี่
ตะกี๊นี้เรารู้จักกับพี่ประธานค่ายกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นเราไปรู้จักกับพี่ค่ายปี 1 กันต่อเลยจ้า
ชวนคุยกับพี่ค่ายปี 1 :D
พี่ฟิวส์ – สวัสดีครับ พี่ช่วยแนะนำตัวหน่อยครับ
พี่โบ๊ช – สวัสดีค่ะ พี่ชื่อพี่โบ๊ช ธนาพร ลิขิตปริญญา ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปี 1 สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจ้า
พี่ฟิวส์ – ตอนอยู่มัธยม พี่โบ๊ชได้มีโอกาสเข้าค่ายหรือเปล่าเอ่ย
พี่โบ๊ช – เค้าเข้า 2 ที่จ้า Dent SWU First Step ของพี่ๆ ทันตะ มศว กับ PharmCamp KKU ของพี่ๆ เภสัช ม.ขอนแก่นจ้า
พี่ฟิวส์ – เด็กค่ายเบาๆ เลยนะเนี่ย แล้วทำไมพี่โบ๊ชถึงตัดสินใจมาเรียนที่สาขานี้เอ่ย
พี่โบ๊ช – คือจริงๆ ที่เข้าสาขานี้ตอนรอบแอดมิชชั่น คือตอนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองสนใจจะเรียนอะไร ก็เลยดูคณะไปเรื่อยๆ แล้วมาเจอสาขานี้ ก็เลยหาข้อมูลศึกษาดูแล้วก็สนใจเพราะเห็นว่ามีเรียนถ่ายภาพ เป็นการถ่ายภาพทางการแพทย์ ก็เลยเลือกที่จะเข้าสาขานี้เลยจ้า
พี่ฟิวส์ – พี่โบ๊ชมาเป็นพี่ค่ายค่ายนี้ได้ยังไงเอ่ย
พี่โบ๊ช – คือกิจกรรมค่ายของสาขาเราจะมีพี่ปี 3 เป็นหัวหน้างานในการจัดค่าย และจะให้น้องๆ ปี 1 และ 2 มาทำหน้าที่คอยดูแลน้องในค่ายและพาน้องทำกิจกรรมต่างๆ ในค่าย ซึ่งเราอยู่ปี 1 ก็ได้รับหน้าที่ให้เป็นพี่กลุ่มเพื่อดูแลน้องๆ ในค่าย
พี่ฟิวส์ – อย่างนี้ก็คือพี่ๆ ปี 1 ก็มาทำค่ายนี้กันหมดเลยใช่มั้ยเอ่ย
พี่โบ๊ช – ใช่จ้า คือปี 1 ทุกคนมีหน้าที่มาดูแลน้องๆ ตามกลุ่มสีตัวเองที่จับฉลากเลือกกันในตอนเตรียมค่าย
พี่ฟิวส์ – แล้วมีพี่ๆ ปี 1 กันกี่คนเอ่ย
พี่โบ๊ช – มี 21 คนจ้า
พี่ฟิวส์ – อย่างนี้ก็ต้องช่วยกันทั้ง 4 ปีเลยใช่มั้ยเอ่ย
พี่โบ๊ช – ก็ใช่นะ แต่จริงๆ พี่ปี 4 เลือกได้ว่าจะมาช่วยหรือเปล่า คือถ้าพี่ๆ ว่างจากการฝึกงานก็จะมีลงมาช่วยบ้าง แต่อย่างในค่ายทั้งหมดพี่ปี 3 จะเป็นคนดูแลทั้งหมด ตั้งแต่จัดเตรียมสถานที่ หากิจกรรม กำหนดวันค่ายอะไรแบบนี้ และก็มีพี่ปี 2 กับปี 1 ที่มาช่วยด้วยเหมือนกัน อย่างเช่นการคิดคำถามในฐานกิจกรรม ทำอุปกรณ์ที่ใช้เล่นในฐานเกมส์ หรือออกแบบเสื้อค่ายที่ทำมาให้น้องๆ ใส่กันอะจ้า
พี่ฟิวส์ – กิจกรรม 3 วัน 2 คืน นอกจากกิจกรรมด้านวิชาการที่พี่เจฟฟี่ได้บอกไปแล้ว แล้วกิจกรรมสันทนาการ เรามีอะไรให้น้องได้ร่วมเล่นบ้างเอ่ย
พี่โบ๊ช – ก็นอกจากกิจกรรมฐานความรู้ที่ศิริราช เรามีกิจกรรมแรลลี่ เป็นกิจกรรมให้น้องๆ ในแต่ละกลุ่มร่วมกันทำภารกิจที่ได้รับให้สำเร็จ เช่นถ่ายรูปให้เหมือนต้นแบบ ครีเอทท่าทางให้เข้ากับสถานที่ ตอบคำถามจากคำใบ้ให้ถูกแล้วไปเก็บภาพสิ่งๆ นั้นมาประมาณนี้ เพื่อให้น้องๆ ได้สนิทกันมากขึ้น และรักกันสามัคคีกันมากขึ้น อ้อ ยังมีการแสดงละครที่ให้น้องๆ แต่ละกลุ่มเตรียมมาแสดงให้พี่ๆ และเพื่อนๆ ดูในตอนกลางคืนด้วยจ้า
พี่ฟิวส์ – การแสดงของน้องๆ กลุ่มไหนที่พี่โบ๊ชรู้สึกว่าเด็ดที่สุด
พี่โบ๊ช – การแสดงของน้องๆ เด็ดกันทุกกลุ่มเลยนะ ฮ่าๆๆๆ แต่ที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นกลุ่มน้องที่ตอนแรกจะดูเงียบๆ กันทั้งกลุ่ม แต่พอถึงคิวแสดงกลับกลายเป็นว่าเล่นได้อลังการสุดๆ จนพี่ๆ อึ้งไปเลยแหละ ฮ่าๆๆๆๆ
พี่ฟิวส์ – น้องๆ เค้าแสดงเกี่ยวกับอะไรเอ่ย
พี่โบ๊ช – เป็นการแสดงเกี่ยวกับคนแอบรักที่ไม่สมหวังแล้วได้เสียชีวิตไปแล้วกลับมาตามราวีคนนั้นในปัจจุบัน คนในปัจจุบันเลยต้องไปขอพึ่งแม่หมอที่โด่งดังมาช่วยปัดเป่าดวงวิญญาณร้าย จนตอนสุดท้ายก็กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ประมาณนี้เลย ฮ่าๆๆๆ ตอนน้องๆ เล่นก็สนุกดีนะ น้องจะมีช่วงที่ใส่ท่าเต้น ช่วงบิลท์อารมณ์ตัวละครกันสุดๆ ไปเลย
พี่ฟิวส์ – โอ้โห นี่ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ หรือรัชดาลัยเธียเตอร์
พี่โบ๊ช – นั่นหนะสิ ฮ่าๆๆๆ
พี่ฟิวส์ – ได้ข่าวมาว่ามีเล่นบัดดี้กันด้วย เป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อยจ้า
พี่โบ๊ช – เป็นกิจกรรมที่ให้น้องจับคู่กับพี่บัดดี้ในค่ายที่จะเฉลยในวันสุดท้าย ไปวาดรูปสถานที่ภายในมหิดลด้วยกัน แล้วเอามาตัดสินให้รางวัลคนที่วาดได้คะแนนสูงสุด โดยอาจารย์จากศิริราชจะเป็นคนตัดสินงานชิ้นนี้จ้า
พี่ฟิวส์ – โอ้โหฟังดูแล้วพี่ฟิวส์อยากเข้าค่ายนี้ซะเองเลยนะเนี่ย แล้วพี่โบ๊ชทำหน้าอะไรในค่ายเอ่ย
พี่โบ๊ช – เราอยู่ฝ่ายกิจกรรม ทำหน้าที่เป็นชุดสาธิตในการสันทนาการ แล้วก็เป็นพี่กลุ่มของน้องๆ จ้า
พี่ฟิวส์ – เป็นพี่กลุ่มต้องทำอะไรบ้างเอ่ย
พี่โบ๊ช – คอยดูแลน้องๆ ในกลุ่มของตัวเอง ดูว่าน้องขาดเหลืออะไรมั้ย ต้องการอะไรบ้าง มีไข้หรือไม่สบายมั้ย คอยพาน้องๆ ไปทำกิจกรมต่างๆ แล้วก็พาไปกินข้าวในแต่ละมื้อจ้า เรียกได้ว่าคอยอยู่กับน้องๆ ตั้งแต่เริ่มค่ายจนจบค่ายกันเลยทีเดียว
พี่ฟิวส์ – ใกล้ชิดกับน้องๆ มากๆ เลยนะเนี่ย อย่างพี่ๆ ปี 3 เป็นเฮดงาน ปี 1 เป็นพี่กลุ่ม แล้วพี่ๆ ปี 2 ทำอะไรเอ่ย
พี่โบ๊ช – พี่ๆ ปี 2 จะเป็นคนคอยเก็บภาพบรรยากาศในค่าย ถ่ายรูปน้องๆ บางคนก็ไปเป็นตัวละครในฐานต่างๆ ให้น้องๆ มาเล่นกัน
พี่ฟิวส์ – กลุ่มที่พี่โบ๊ชดูแล มีชื่อกลุ่มว่าอะไร และมีน้องๆ กี่คนเอ่ย
พี่โบ๊ช – กลุ่มที่เราดูแลชื่อ Permanent Rose มีน้องๆ อยู่ 10 คน มีพี่กลุ่มปี 1 อยู่ 4 คนจ้า กลุ่มของค่ายเราปีนี้แบ่งตามชื่อสี อย่างของเราถ้าเรียกสีง่ายๆ ก็คือสีชมพูนั่นเอง
พี่ฟิวส์ – โอ้โหชื่อกลุ่มนี่สะดุดตามาก
พี่โบ๊ช – ฮ่าๆๆ ชื่อน่ารักเน้อะ
พี่ฟิวส์ – พี่โบ๊ชช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าที่ไปที่มาของชื่อทุกๆ กลุ่มมาได้ยังไง
พี่โบ๊ช – คือไม่มีอะไรเลย เป็นชื่อสีต่างๆ เพราะสาขาวิชาเรามีการเรียนสีน้ำ เลยหยิบเอาชื่อสีขึ้นมาใช้เป็นชื่อกลุ่มเลย ก็จะมีสีเขียว Sap Green สีเหลือง Gamboge สีม่วง Magenta สีฟ้า Persian Blue และก็สีชมพูสีของกลุ่มเราเองก็คือ Permanent Rose นั่นเองจ้า
พี่ฟิวส์ – มีเหตุการณ์ที่ทำให้พี่โบ๊ชรู้สึกแปลกใจเกิดขึ้นในค่ายนี้บ้างหรือเปล่าเอ่ย เล่าให้ฟังหน่อยจ้า
พี่โบ๊ช – เหตุการณ์ที่แปลกใจตอนอยู่ในค่ายก็ไม่มีนะ น้องๆ น่ารักทุกคน แต่ที่ยังงงๆ อยู่ก็คือตอนอยู่ค่ายเห็นน้องก็เงียบๆ กัน แต่พอจบค่ายนี่ทักมาชวนคุยกันใหญ่เลย จนถึงตอนนี้น้องๆ ก็ยังคงคุยกันอยู่ในกลุ่มรวมน้องค่าย คุยกันทุกวัน วันละ 500 กว่าข้อความได้ ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – โอ้โหหห แปลว่าค่ายนี้สนิทกันมากเลยจริงๆ ตอนนี้จบค่ายไปแล้ว รู้สึกยังไงบ้างเอ่ย
พี่โบ๊ช – ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะทำได้ เหมือนเราพึ่งขึ้นมาเรียนปี 1 ก็มีหน้าที่ให้ทำแล้ว แต่ก็ทำออกมาได้ดี งานค่ายจบได้ด้วยดี น้องๆ สนุกกันทุกคน เราก็รู้สึกว่าเวลาที่อยู่ค่ายสามวันเราสนิทกับน้องๆ มากๆ เลย รู้สึกผูกพัน พอน้องๆ กลับไปอาทิตย์แรกนี่ก็เศร้ากันใหญ่ คิดถึงแต่น้องๆ อยากกลับไปดูแลน้อง ฮ่าๆๆๆ แต่พอมาคิดๆ ก็รู้สึกว่าเราได้อะไรจากค่ายนี้เยอะเหมือนกัน คือน้องเรียนฐานต่างๆ เราที่ไปกับน้องก็ได้เรียนได้ฟังจากรุ่นพี่ไปด้วย ได้แลกเปลี่ยนความคิดกันกับเพื่อนๆ รู้จักพัฒนาตนเองให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ต้องดูแลคนอื่นให้มากขึ้น :)
พี่ฟิวส์ – สุดท้ายนี้ให้พี่โบ๊ชฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจเข้าค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ทั้งในปีหน้าและปีต่อๆ ไปหน่อยจ้า
พี่โบ๊ช – ก็สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะเข้าอะไร สนใจสิ่งไหน ค่ายนี้ก็อาจจะให้คำตอบกับน้องๆ ได้นะ อยากให้ลองมาหาคำตอบดูในค่ายที่เป็นทั้งวิทย์และศิลป์ ค่ายเราและสาขาของเราเปิดรับทั้งสายวิทย์-คณิต กับสายศิลป์คำนวณเลย ลองสมัครเข้ามาหาคำตอบให้ตัวเองกันน้า แล้วก็สำหรับน้องๆ ที่ค้นพบตัวเองแล้ว รู้ว่าสนใจในสาขานี้ เป็นเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ก็ลองเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศการเรียนของเรา พี่ๆ จะคอยต้องรับน้องๆ ทั้งหมดเสมอ เราจะมาให้คำตอบกับน้องๆทุกๆ คนในค่ายนี้เลยจ้า :D
พี่ฟิวส์ – ขอบคุณพี่โบ๊ชมากๆ คร้าบผม
พี่โบ๊ช – เช่นกันจ้าาาา
เพราะค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ทำให้เรารักศิลป์แบบเด็กวิทย์
– คำนิยามของค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4 จากพี่โบ๊ช
หลังจากที่เราได้พบกับพี่ค่ายทั้งสองคนกันเลย งั้นอย่ารอช้า ไปพบกับน้องค่ายกันต่อเลยจ้า
พบกับน้องค่าย
น้องโฟล์ค
พี่ฟิวส์ – สวัสดีครับ น้องแนะนำตัวหน่อยครับผม
น้องโฟล์ค – สวัสดีครับ ผมชื่อโฟล์ค ศิวกร รอดสังวาลย์ กำลังจะขึ้น ม.6 ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สายวิทย์-คณิตครับผม
พี่ฟิวส์ – น้องโฟล์คเคยเข้าค่ายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าเอ่ย
น้องโฟล์ค – ถ้าเป็นค่ายของมหาวิทยาลัย ค่ายนี้เป็นค่ายแรกเลยครับ
พี่ฟิวส์ – ทำไมน้องถึงตัดสินใจมาเข้าค่ายนี้เอ่ย
น้องโฟล์ค – เพราะว่าปกติชอบทำงานด้านสื่ออยู่แล้ว ก็เลยหาคณะที่ทำเกี่ยวกับสื่อการเรียน ก็เลยได้เจอเวชนิทัศน์ ซึ่งมีค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์นี่แหละครับ เลยตัดสินใจเข้าค่ายนี้
พี่ฟิวส์ – ทราบมาก่อนรึเปล่าเอ่ยว่าสาขานี้เค้าเรียนอะไรกัน
น้องโฟล์ค – ทราบมาในระดับหนึ่งครับว่าเป็นพวกทำสื่อให้กับแพทย์ครับ
พี่ฟิวส์ – น้องมาค่ายนี้คนเดียวหรือเพื่อนมาด้วยเอ่ย
น้องโฟล์ค – สมัครมากับเพื่อนครับ แต่เพื่อนไม่ติดเลยมาคนเดียว ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – เพื่อนไม่ได้มาด้วยเลย แล้วเข้าค่ายวันแรก น้องโฟล์ครู้สึกยังไงบ้าง
น้องโฟล์ค – ประหม่านิดหน่อยครับ ด้วยความที่อยู่โรงเรียนชายล้วน เลยไม่ชินกับการที่มีผู้หญิงเยอะขนาดค่ายนี้ ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – และถ้าพูดถึงบรรยากาศในค่ายวันแรกที่เราเข้ามาล่ะ รู้สึกยังไง
น้องโฟล์ค – เป็นกันเองดีครับ แรกๆ อาจเกร็งๆ กันบ้าง แต่พอได้ทำความรู้จักกับเพื่อนก็เริ่มเข้าขากันได้
พี่ฟิวส์ – พี่ค่าย พี่กลุ่ม เป็นยังไงบ้าง
น้องโฟล์ค – ใจดีครับ เป็นกันเอง ไม่ถือตัว ช่วยลดความประหม่าลงได้เยอะเลยครับ
พี่ฟิวส์ – แล้วนอกจากพี่ค่ายพี่กลุ่ม เพื่อนๆ ในค่ายเป็นยังไงบ้าง
น้องโฟล์ค – บันเทิงรื่นรมย์ บางคนก็จี้ๆ บางคนก็ตลกแตกไปเลยครับ ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – ในค่ายนี้น้องโฟล์กอยู่กลุ่มไหนครับผม
น้องโฟล์ค – อยู่สีม่วง Magenta ครับผม
พี่ฟิวส์ – น้องโฟล์คชอบกิจกรรมอะไรในค่ายนี้มากที่สุดครับ
น้องโฟล์ค – มิชชั่นแรลลี่ในวันที่สองครับ เพราะเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้ความคิดและแรงได้ดีเลยครับ วิ่งไปวิ่งมา บันเทิงดีครับบ
พี่ฟิวส์ – เหงื่อแตกกันเลยทีเดียว พอวันสุดท้ายตอนจะจากลากับเพื่อนๆ พี่ๆ แล้วรู้สึกยังไงบ้าง
น้องโฟล์ค – รู้สึกว่าใจหายครับ หมดเวลาสนุกแล้วหรอ เพราะเพื่อนแต่ละคนมาจากต่างที่ที่ไกลกันพอสมควร โอกาสมาเจอกันใหม่นี่ยากมากครับ นอกเสียจากว่าจะแอดเข้าคณะนี้กันหมดอะนะครับ ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – น้องโฟล์คคิดยังไงกับคำว่า “วิทย์+ศิลป์”
น้องโฟล์ค – เป็นสายที่ลงตัวดีนะครับ ประยุกต์ทั้งสองศาสตร์เข้าด้วยกัน มันเหมือนทำให้ศิลป์เป็นรูปธรรมมากขึ้นครับ
พี่ฟิวส์ – และกับคำว่า “หมอ+นิเทศ” ล่ะ คิดยังไงกับคำนี้
น้องโฟล์ค – ก็คิดว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจดีอะครับ แต่ว่ามันจะดูเหนื่อยไปหน่อย จะเห็นภาพเป็นหมอที่ทำสื่อได้ระดับหนึ่งมากกว่าครับ
พี่ฟิวส์ – และพอได้รู้จักกับ “สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์” คิดยังไงกับสาขานี้
น้องโฟล์ค – เป็นสาขาที่น่าเรียนมากครับ ประยุกต์ความรู้ในการทำสื่อร่วมกับความรู้หมอๆ
พี่ฟิวส์ – แล้วพอน้องโฟล์คจบม.6 แล้ว อยากเข้าที่นี่เลยหรือเปล่า
น้องโฟล์ค – ตอนแรกก็กะเข้าอะครับ แต่ตอนนี้ไม่ละ มารู้สึกในค่ายนี้อะครับว่าไม่ชอบวาดรูปเหมือนเท่าไหร่ เลยเริ่มเบนไปพวกสถาปัตย์มากกว่า ซึ่งก็มีอารมณ์คล้ายๆ กัน แต่ไปแนวฟิสิกส์มากกว่าแค่นั้นเอง
พี่ฟิวส์ – ตอนนี้เราขึ้นม.6 ยังเหลือเวลาของเด็กม.ปลายอีก 1 ปี ยังอยากเข้าค่ายอีกมั้ย
น้องโฟล์ค – ยังอยากอยู่ครับ เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนชอบไปค่ายอยู่แล้ว ถือโอกาสไปเที่ยวไปในตัวครับ
พี่ฟิวส์ – ให้น้องโฟล์คฝากถึงเพื่อนๆ และน้องๆ มัธยมที่อยากเข้าค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ทั้งในปีหน้าและปีต่อๆ ไปหน่อยครับผม
น้องโฟล์ค – ก็.. แนะนำให้มาครับ จะได้รู้ตัวตนว่าเป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า เอ้ย !! ได้รู้ครับว่าเราสนใจด้านนี้จริงๆ หรือเปล่า เพราะบ้างครั้งก็อ่านแล้วตีความอย่างเดียว คงไม่เท่ากับได้เข้ามาคุยกับรุ่นพี่และสัมผัสสาขาวิชานี้จริงๆ มากกว่าครับ
พี่ฟิวส์ – และก็ขอให้น้องโฟล์คเชิญชวนเพื่อนๆ น้องๆ ทุกคน ให้มาเป็นเด็กล่าค่ายด้วยครับผม
น้องโฟล์ค – แน่นอนครับ มาค่ายกันเถอะ บันเทิงกว่าเยอะ ที่สำคัญ ของ่ายกว่าไปเที่ยวแบ็คแพ็คอีก (สำหรับผมนะ) อยากให้ลองมากันเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วกระจายๆ กันในค่ายอะครับ เราจะได้ทั้งเพื่อนใหม่และประสบการ์ณที่หาค่าไม่ได้อีก
พี่ฟิวส์ – โอเคครับผม ขอบคุณน้องโฟล์คมากๆ ครับผม
น้องโฟล์ค – เช่นกันคร้าบบบบ
ค่ายที่บันเทิงรื่นรมย์ ช่วยทำให้รู้ตัวเองได้ดี เป็นค่ายที่จะจำไปไม่ลืม!!!
– คำนิยามของค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4 จากน้องโฟล์ค
บันเทิงกับน้องโฟล์คกันพอสมควรแล้ว งั้นไปบันเทิงกับน้องเกรซกันต่อเลยจ้า (ติดคำว่า “บันเทิง” มาจากน้องโฟล์ค ฮ่าๆๆๆ)
น้องเกรซ
พี่ฟิวส์ – สวัสดีครับ น้องแนะนำตัวหน่อยจ้า
น้องเกรซ – สวัสดีค่ะ หนูชื่อเกรซ ชินันพร ทองสาย กำลังจะขึ้น ม.5 ที่โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร สายวิทย์-คณิตค่ะ
พี่ฟิวส์ – น้องเกรซเคยเข้าค่ายที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าเอ่ย
น้องเกรซ – ค่ายนี้เป็นค่ายแรกเลยค่ะ
พี่ฟิวส์ – ทำไมน้องเกรซถึงตัดสินใจมาเข้าค่ายนี้เอ่ย
น้องเกรซ – เพราะว่าค่ายน่าสนใจดีค่ะ แล้วก็ไม่เคยเข้าค่ายมาก่อนเลยด้วย ก็เลยอยากลองมาหาประสบการณ์ดูค่ะ
พี่ฟิวส์ – ทราบมาก่อนรึเปล่าเอ่ยว่าสาขานี้เค้าเรียนอะไรกัน
น้องเกรซ – ก่อนจะสมัครค่ายนี้ ก็ลองเข้าไปหาข้อมูลของสาขาวิชามาก่อนค่ะ แต่ไม่ได้ทราบมาแต่แรก
พี่ฟิวส์ – น้องเกรซมาค่ายนี้คนเดียวหรือมากับเพื่อนเอ่ย
น้องเกรซ – มาคนเดียวค่ะ ฮ่าๆๆ
พี่ฟิวส์ – เพื่อนไม่ได้มาด้วย แล้วเข้าค่ายวันแรก น้องเกรซรู้สึกยังไงบ้างครับ
น้องเกรซ – ก็ตื่นเต้นมากๆ เลย กังวัลหน่อยด้วย กลัวไม่มีเพื่อน ฮ่าๆๆ ก็พยายามยิ้มแล้วก็เริ่มทักทายคนอื่นก่อน แต่แบบเพื่อนๆ ที่ค่ายและพี่ๆ เฟรนด์ลี่มากๆ เลยสบายใจขึ้นมาค่ะ
พี่ฟิวส์ – และถ้าพูดถึงบรรยากาศในค่ายวันแรกที่เราเข้ามาล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง
น้องเกรซ – ตื่นเต้นมากๆ ค่ะ เพราะไม่เคยไปค่ายไหนมาก่อนเพื่อนๆ แต่ละคนก็ไม่รู้จักมาก่อนเลย
พี่ฟิวส์ – พี่ค่าย พี่กลุ่ม เป็นยังไงบ้าง
น้องเกรซ – ใจดี ชวนคุย อยู่ตลอดๆ เลย สงสัยอะไรถามได้หมด เฮฮา ตลกด้วย น่ารักมากๆ เลยค่ะ
พี่ฟิวส์ – และเพื่อนๆ ในค่ายเป็นยังไงกันบ้าง
น้องเกรซ – เพื่อนๆ ในค่ายเฟรนด์ลี่กันมากๆ เลย ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นพี่ก็คุยเป็นกันเองมากๆ ทำให้เราสนิทกันได้ไวค่ะ
พี่ฟิวส์ – ในค่ายนี้น้องเกรซอยู่กลุ่มไหนครับผม
น้องเกรซ – อยู่สีม่วง Magenta ค่ะ สีเดียวกับพี่โฟล์คเลย
พี่ฟิวส์ – น้องเกรซชอบกิจกรรมอะไรในค่ายนี้มากที่สุดครับผม
น้องเกรซ – คงจะเป็นวาดเส้นเล่นสีวันสุดท้ายค่ะ ที่ให้ไปวาดภาพกับพี่บัดดี้ เพราะโดยส่วนตัวแล้วชอบวาดภาพแต่วาดไม่ค่อยสวย ฮ่าๆๆ พี่บัดดี้ก็สอนดรอวอิ้ง ทำให้ภาพออกมาดีมากๆ แล้วก็ไปแลกเปลี่ยนความคิดพูดคุยกับพี่หลายอย่างเลยค่ะ
พี่ฟิวส์ – พอวันสุดท้ายที่ต้องจากลากับเพื่อนๆ พี่ๆ แล้ว น้องเกรซรู้สึกยังไงเอ่ย
น้องเกรซ – ก็ค่อนข้างเสียดายค่ะ เพราะอยู่กันแค่สามวันเอง แล้วก็บางคนยังคุยกันไม่ได้เยอะเลย แล้วก็ยังสนุกอยู่ อยากอยู่ต่อเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
พี่ฟิวส์ – น้องเกรซคิดยังไงกับคำว่า “วิทย์+ศิลป์”
น้องเกรซ – ก็มีความเป็นวิทย์ที่มีเนื้อหาไปทางวิชาการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์แต่สอดแทรกศิลป์เข้าไปด้วยไม่ว่าจะเป็นศิลปะหรือด้านภาษาแล้วนำมาประยุกต์กัน
พี่ฟิวส์ – และกับคำว่า “หมอ+นิเทศ” ล่ะ คิดยังไงกับคำนี้
น้องเกรซ – ก็คงจะเป็นสิ่งที่เรียนเนื้อหาบางอย่างเหมือนหมอเพื่อให้ได้ความรู้พื้นฐานแต่ได้นำมาใช้กับงานพวกกิจกรรมเช่น การถ่ายถาพ วาดรูป ปั้นรูปหล่อหรือการตัดต่อคลิปวิดิโอต่างๆ อะไรประมาณนี้อะค่ะ
พี่ฟิวส์ – และพอได้รู้จักกับ “สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์” คิดยังไงกับสาขานี้
น้องเกรซ – ถือว่าเป็นสาขาที่แปลกใหม่แล้วน่าสนใจมากๆ เลยค่ะ เพราะเป็นการนำคนที่ถนัดมาทำงานด้านนี้ให้ตรงจุดจริงๆ เพราะใช้ทั้งความถนัดเฉพาะตัวมาฝึกฝนควบคู่กับเนื้อหาการเรียนด้านทางการแพทย์
พี่ฟิวส์ – พอจบม.6 น้องเกรซอยากเข้าที่นี่เลยหรือเปล่าเอ่ย
น้องเกรซ – ก็พอไปเข้าค่ายมาก็สนใจอยู่ค่ะ แต่จะเก็บไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งละกัน
พี่ฟิวส์ – ตอนนี้น้องเกรซก็กำลังจะขึ้น ม.5 เหลือเวลาอีกสองปีในชีวิตม.ปลาย น้องเกรซจะหาค่ายเข้าอีกหรือเปล่าเอ่ย
น้องเกรซ – ก็จะหาอีกค่ะ อยากหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง
พี่ฟิวส์ – ให้น้องเกรซฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มัธยมที่อยากเข้าค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ครั้งต่อๆ ไปหน่อยจ้า
น้องเกรซ – เกรซก็อยากจะเชิญชวนทุกๆ คนมาลองเข้าค่ายกันดูเนอะ จะได้รู้จักตัวเองให้มากขึ้น อย่างค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ก็สอนเราอะไรหลายๆ อย่าง เรื่องที่เราไม่รู้มาก่อนก็ได้รู้ ได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำ ได้เจอพี่ค่ายดีๆ มีเพื่อนใหม่ ได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไป ก็อยากให้ลองมานะ มันดีและสนุกมากจริงๆ
พี่ฟิวส์ – และก็ขอให้น้องเกรซเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ให้มาเป็นเด็กล่าค่ายด้วยจ้า
น้องเกรซ – เป็นเด็กล่าค่ายมันดีมากเลยนะ เราได้ใช่ความคิดตั้งแต่ตอนเราสมัครค่าย แล้วตอนเข้าค่ายก็ได้ความรู้ใหม่ๆ มากมาย กล้าแสดงออกมากขึ้นด้วย มีเพื่อนใหม่ที่มาจากจังหวัดอื่นๆ แล้วทำให้ได้ลองถึงการจะเข้ามาเรียนในสาขานั้นๆ ที่จัดค่ายด้วย
พี่ฟิวส์ – โอเคครับผม ขอบคุณน้องเกรซมากๆ น้าาาาา
น้องเกรซ – ขอบคุณเช่นกันค่า
ค่ายที่จะทำให้น้องๆ เข้าใจถึงการใช้วิทย์และศิลป์ไปพร้อมๆ กัน และน้องๆ จะไม่ผิดหวังกับค่ายนี้แน่นอน
– คำนิยามของค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4 จากน้องโฟล์ค
รวมบรรยากาศสุดสนุกในค่าย
บทสรุป
สำหรับ “ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4” ค่ายที่พี่ๆ “สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล” ตั้งใจและทุ่มเทในการจัดค่ายนี้เป็นอย่างมาก พอพี่ได้มารีวิวค่ายนี้ พี่พูดได้เลยว่า “พลาดมาก” ที่ตอนอยู่ม.ปลาย ไม่ได้สมัคร สำหรับแคมป์รีวิวชิ้นนี้ ได้มีการบอกด้วยว่า สาขาวิชานี้คืออะไร พี่ๆ เค้าเรียนอะไรกัน แต่ข้อมูลเพียงเท่านี้ มันเทียบไม่ได้กับการที่น้องมาสัมผัสเองในค่ายเลยนะน้อง “พี่ฟิวส์” และ “แคมป์ฮับ” ก็ต้องขอขอบคุณ “พี่เอย” และพี่ๆ “ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 4” ทุกคน ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปรีวิวค่ายในครั้งนี้
สำหรับ “ค่ายเด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ครั้งที่ 5” จะจัดในช่วง มีนาคม – เมษายน 2560 เมื่อค่ายเปิดรับสมัครและประกาศวันจัดค่ายที่แน่นอนแล้ว “แคมป์ฮับ” จะรีบนำข่าวมาบอกน้องๆ เลยน้า ถ้าน้องๆ พลาดเข้าค่ายนี้ น้องๆ จะมารู้สึก “พลาดมาก” แบบพี่แน่นอน สำหรับ “แคมป์รีวิว” EP. ต่อไปจะเป็นค่ายไหนนั้น พี่ฟิวส์ขออุบไว้ก่อน สำหรับ “แคมป์รีวิว” Ep. นี้ “พี่ฟิวส์” ต้องขอลาไปก่อน แล้วเจอกันครับ สวัสดีครับผม :D ฟิ่ววววววววววว ~~~
ขอขอบคุณรูปบรรยากาศค่ายสวยๆ จากพี่มุก พี่เบล และ แฟนเพจสาขาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คร้าบผม