สวัสดีฮะ กลับมาพบกับแคมป์รีวิวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ SIIT!
เอ ว่าแต่ SIIT คืออะไรกันนะ วันนี้พี่ช้างจะพาน้องๆ ทุกคนไปรู้จักกับ “SIIT Open House 2018” ค่ายเปิดบ้านของ SIIT ธรรมศาสตร์อินเตอร์ สำหรับน้องๆ ม.ปลาย ที่สนใจในด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี หรือการจัดการ
โดยรอบนี้พี่ช้างได้ไปสืบข้อมูล สัมภาษณ์น้องค่าย / พี่ค่ายมาให้ให้แล้ว และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปอ่านกันได้เลยจ้าา :)
ทำความรู้จักค่าย SIIT Open House
SIIT Open House หรือค่ายเปิดบ้าน SIIT ธรรมศาสตร์อินเตอร์ เป็นค่ายที่ถูกจัดขึ้นสำหรับนักเรียนม.ปลาย จำนวน 60 คน ให้มีโอกาสทำความรู้จักกับสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) การเรียนการสอน และแนะแนวทางของการประกอบอาชีพในอนาคต
น้องๆ จะได้มาร่วมสัมผัสความเป็น SIIT ในรั้วมหา’ลัย ไปกับพี่ๆ นักศึกษาตัวจริงแบบเต็มอิ่ม เพื่อหาคำตอบว่าคณะนี้ “ใช่” สำหรับน้องรึเปล่า ภายในระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ซึ่งค่ายนี้ถูกจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยในปีล่าสุดมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 500 บาท (จ่ายตอนผ่านการคัดเลือก)
ทำความรู้จักสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ เป็นสถาบันด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และการจัดการ สังกัดม.ธรรมศาสตร์ (บริหารเป็นอิสระ) ที่สอนเป็นหลักสูตรนานาชาติ ทั้งในระดับอุดมศึกษาและบัณฑิตศึกษา โดยเน้นใช้การวิจัยเชิงวิชาการเป็นตัวนำ
ปัจจุบันมี 2 วิทยาเขตในจ.ปทุมธานี ได้แก่ วิทยาเขตธรรมศาสตร์รังสิต และวิทยาเขตบางกะดี
และ 2 ศูนย์วิจัย ได้แก่ ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการก่อสร้างและบำรุงรักษา (CONTEC) และศูนย์วิจัยการคมนาคม (TREC)
ถ้าน้องๆ อยากดูรายละเอียดเพิ่มเติม ก็คลิกไปอ่านต่อได้ที่เว็บไซต์ของ SIIT ได้เลยยย
คุยกับพี่ค่าย
สวัสดีฮะ แนะนำตัวกันหน่อย
พี่จ๊ะ – สวัสดีครับ พี่ชื่อพรสกุล ดุลยา ศึกษาอยู่ภาค Mechanical Engineering สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร หรือ SIIT นั่นเอง กำลังจะขึ้นปี 4 แล้วว (รู้สึกแก่ 55)
ซึ่งพี่ก็ได้รับโอกาสจากเพื่อนๆ มาทำหน้าที่เป็นประธานค่ายนี้ครับ พี่ก็ดูแลกิจกรรมทุกอย่าง เป็นคนประสานงานระหว่างแต่ละฝ่ายให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นครับ
พี่สาลี่ – สวัสดีค่ะ พี่ชื่อวิไลวรรณ เตชะไตรศร เป็นเฮดพี่เลี้ยงค่าย คัดพี่เลี้ยง จัด Workshop ดูแลน้องค่าย และดูแลพี่เลี้ยงค่ะ
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนที่ SIIT
พี่จ๊ะ – ก่อนอื่นเลยพี่สนใจทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ครับ ซึ่งสถาบันระดับอุดมศึกษาก็มีให้เลือกมากมาย แต่ละที่ก็มีจุดเด่นจุดแข็งต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของตัวน้องว่าต้องการเรียนแบบไหน แต่สิ่งหนึ่งที่พี่สนใจตอนนั้นคือ คำว่า International
หลายคนมองคำว่า International เป็นแค่การเรียนภาษาอังกฤษอย่างเดียว จริงอยู่ว่าเราได้เจอภาษาอังกฤษแน่นอน เพราะมันเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารระดับนานาชาติ แต่จริงๆ มันมีมากกว่านั้นครับ
การเรียนแบบ International รวมถึงการเรียนในสภาพแวดล้อมที่มีการกล้าคิดกล้าทำ ผลักดันให้เรามีความกล้าแสดงออก ซึ่งพี่ว่านั่นเป็นส่วนสำคัญในการทำงานยุคปัจจุบัน
ณ จุดนั้นพี่จึงตัดสินหาข้อมูลต่างๆ นานาเลยว่า หลักสูตรอินเตอร์ในไทยมีที่ไหนบ้าง แล้วก็พบว่า SIIT เปิดหลักสูตรมานาน ดูแล้วมีความพร้อมมากสุด เลยเลือกที่จะเข้าเลยครับ
สารภาพว่าก่อนหน้านั้นไม่เคยได้ยินชื่อ SIIT มาก่อนเลย 55 แต่เรียนมา 3 ปีแล้วก็ยังไม่ผิดหวังกับสิ่งที่เลือกเลยครับ
คณะนี้เรียนอะไรกันบ้าง
พี่จ๊ะ – ถ้าพูดง่ายๆ นะครับ SIIT จะเปิดหลักสูตรหลักๆ 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มที่ได้ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต และปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต ทั้งหมดเรียนเป็นภาษาอังกฤษครับ
ซึ่งหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตก็จะเปิดด้วยกันทั้งหมด 6 สาขาวิชา คือ
- Mechanical Engineering (วิศวกรรมเครื่องกล)
- Chemical Engineering (วิศวกรรมเคมี)
- Civil Engineering (วิศวกรรมโยธา)
- Industrial Engineering (วิศวกรรมอุตสาหการ)
- Electronics & Communication Engineering (วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร)
- Computer Engineering (วิศวกรรมคอมพิวเตอร์)
เรียกได้ว่าครอบคลุมครบทุกสาขาวิชาหลักทางด้านวิศวกรรมเลยทีเดียว
ส่วนหลักสูตรที่ได้ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตจะมีด้วยกัน 3 สาขาวิชา ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ
- Information and Technology (เทคโนโลยีสารสนเทศ)
- Management Technology (เทคโนโลยีการจัดการ)
- Engineering Management (การจัดการวิศวกรรม)
ส่วนเรื่องที่ผู้ปกครองหรือน้องๆ หลายคนอาจจะต้องนำมาตัดสินใจ คงไม่พ้นเรื่องค่าเทอมที่ค่อนข้างสูง เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 8 – 9 หมื่น / เทอม ปีละ 2 เทอม (พ่อพี่ยังบ่นจนถึงทุกวันนี้ 555)
แต่ SIIT เองก็มีทุนการศึกษาอยู่มากมายหลายรูปแบบ ทั้งทุน Full / ทุน Half / ทุนเรียนดี / ทุนกิจกรรม
เพราะฉะนั้นหากน้องๆ ได้เข้ามาศึกษา ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากให้น้องๆ ตั้งใจเรียนและคว้าทุนเหล่านี้ไว้ เพราะทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระให้คุณพ่อคุณแม่ และยังเป็นเกียรติประวัติให้กับตัวน้องเองอีกด้วยนะ
พี่สาลี่ – คณะ SIIT ของเรา ตอนปี 1 เข้ามาจะยังไม่มีการแยกเป็นภาค จะแยกแค่เป็นฝั่ง ฝั่งวิศวะ, วิทยา และ IT CPE ที่จะแยกไปตั้งแต่ตอนแรก ฝั่งวิศวะก็จะได้เรียนกับวิศวะ ฝั่งวิทยาก็จะได้เรียนรวมกับฝั่งวิทยา แล้วน้องๆ จะได้เลือกภาคกันตอนก่อนจบปี 1
ซึ่งการเรียนรวมกันแบบนี้ จะทำให้น้องๆ ได้รู้จักเพื่อนอย่างหลากหลายมากๆ พอขึ้นปี 2 น้องก็จะมีเพื่อนอยู่ในทุกๆ ภาค
เนื้อหาการเรียนจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ถ้าน้องๆ ที่ลังเลจะเข้า SIIT เพราะกังวลเรื่องภาษาของตัวเอง พี่อยากบอกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่น้องจะได้พัฒนาสกิลภาษาอังกฤษ ตัวพี่เองก็จบมาจากโรงเรียนธรรมดา ไม่ได้เป็นโรงเรียนอินเตอร์ หรือไปแลกเปลี่ยน ตอนแรกที่เข้ามาเรียนก็ค่อนข้างลำบาก แต่พออยู่ไปสักพักมันจะเข้าที่เข้าทางและน้องจะรู้สึกได้ว่าภาษาของน้องพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน
แล้วจบไปทำงานอะไรได้บ้างครับ
พี่จ๊ะ – ทำงานได้กว้างมากๆ เลยครับ ถึงแม้ตอนนี้ SIIT อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงมัธยมมากนัก แต่รุ่นพี่ที่จบไปก็สร้างชื่อเสียงในแวดวงทำงานไว้มากมาย
จากการที่ได้สอบถามพี่ๆ ศิษย์เก่าหลายๆ คน หลายๆ บริษัทชอบเด็ก SIIT นะ คือเรารู้ภาษา รู้ภาษาในที่นี้คือไม่ได้ว่าพูดสำเนียงต้องชัดภาษาต้องเป๊ะนะครับ แต่หมายถึงว่าเรามีความกล้าพูดกล้าสื่อสารกับชาวต่างชาติ มีการพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษที่ดี หลายๆ ที่เลยชอบ รวมถึงก่อนจบปีการศึกษาก็จะมีหลายบริษัทเข้ามาเปิดบูธ หรือ Recruit นักศึกษา SIIT มากมาย
ซึ่งขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เราเรียนว่าเราอยากทำอะไร แต่ถ้าสาขาวิชาผม บริษัทยอดฮิตก็คงไม่พ้นบริษัทน้ำมันหรือยานยนต์ครับ เป็นบริษัทต่างชาติซะเยอะ
มีความรู้สึกยังไงที่ได้มาทำค่าย
พี่จ๊ะ – รู้สึกตื่นเต้นครับ 55
เพราะนี่เป็นงานแรกของพี่ด้วยที่ได้มีโอกาสเป็นประธานค่าย เลยมีความรู้สึกคาดหวังปนกดดันอยู่ตลอด ว่าอยากให้ทุกอย่างออกมาดี ซึ่งจริงๆ พี่ก็อยากทำค่ายนี้มานานแล้วนะ เพราะอย่างที่บอกไป พี่ก็เป็นคนนึงที่มารู้จัก SIIT ตอนท้ายๆ แล้ว ตอนนั้นถามใคร ใครก็ไม่รู้จัก หรือรู้จักก็จะออกไปแนวรูปหล่อ พ่อรวยมากกว่า (ซึ่งรูปหล่อพี่ไม่เถียง เอ๊ะ! 55) หรือไม่ก็ไฮโซหยิ่ง
แต่พอมาเรียนปุ๊บ พี่รู้สึกว่าที่นี่มันไม่ใช่อย่างงั้นเลย สังคมที่นี่มันดีกว่านั้นเยอะ การเรียนก็ดีกว่านั้นเยอะ พี่เลยอยากทำให้ที่นี่มีชื่อเสียงมากกว่านี้เพื่อที่จะได้เป็นตัวเลือกให้น้องๆ มากขึ้น อยากให้น้องๆ มองเข้ามาที่ SIIT ด้วยความเชื่อมั่นว่าสถาบันนี้จะมอบความรู้ความสามารถให้กับน้องๆ ได้ ไม่ใช่แค่สถาบันที่มีแต่หน้าตากับฐานะ นี่เลยเป็นความรู้สึกและแรงบันดาลใจในการทำค่ายมาโดยตลอดครับ
พี่สาลี่ – รู้สึกดีมากกก
เราเคยเป็นน้องค่าย SIIT Open House #1 แล้วพอเข้ามาเรียนที่ SIIT เราก็มีโอกาสได้เป็นพี่เลี้ยงของ SIIT Open House #2
และในปีนี้ เราก็เป็นเฮดพี่เลี้ยง มันเลยทำให้เราค่อนข้างผูกพันกับค่ายนี้มาก จึงอยากทำให้เต็มที่ที่สุด แล้วผลลัพธ์มันก็ออกมาดีมาก น้องค่ายสนุก พี่เลี้ยงสนุก ทุกคนสนุก แค่นี้พี่ก็มีความสุขแล้ว
เตรียมตัวกันนานมั้ย ก่อนจะจัดค่ายนี้
พี่จ๊ะ – นานใช้ได้เลยนะครับ เพราะว่ากิจกรรมนี้เพิ่งจัดได้เป็นปีที่ 3 สำหรับ SIIT
หลายๆ อย่างยังไม่ลงตัวมีเรื่องที่ยังคงต้องปรับปรุงและพัฒนาต่อไป ทั้งเรื่องเวลาและตัวกิจกรรม เพราะอยากให้น้องทั้งได้ความรู้และสนุกไปกับค่ายจริงๆ แต่ที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ นะ ตัวสต๊าฟเอง หลายฝ่ายก็มีการรับสมัครมีการคัดเลือก เพื่อให้ได้คนที่มีใจต่อการทำงานจริงๆ ซึ่งกระบวนการพวกนี้ ทั้งการคัดเลือกและการเตรียมตัวก็กินเวลาหลายเดือน ปัญหาก็เกิดขึ้นตลอด แต่ก็ผ่านกันมาได้ด้วยดี ต้องขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ สต๊าฟทุกๆ คนมากเลยครับ
รู้สึกยังไงกับน้องค่าย
พี่จ๊ะ – ประทับใจน้องค่ายมากๆ เลยครับ
ที่ค่ายออกมาดี ส่วนหนึ่งก็เพราะน้องๆ ให้ความร่วมมือและช่วยกันสร้างสีสันให้กับค่าย พี่ดีใจทุกครั้งเลยเวลาเห็นน้องคนทำหน้าจริงจังเวลาดู Lab หรือหัวเราะเวลาทำกิจกรรม มันทำให้เวลาเตรียมตัวที่ผ่านมารู้สึกคุ้มค่าขึ้นมาทันที นี่พูดจริงนะ 555
ส่วนโมเมนต์ที่ประทับใจคงไม่พ้นวันสุดท้ายก่อนจากลากันที่ทุกคนผลัดกันพูดความในใจ ซึ่งมีทั้งซึ้งทั้งฮาในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการสรุปภาพรวมความทรงจำที่ผ่านมาได้ดีครับ
พี่สาลี่ – น้องๆ น่ารักทุกคนเลย ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและเต็มที่กับกิจกรรมมากๆ
เหตุการณ์ที่ประทับใจก็คงจะเป็นตอนที่เปิด VTR แล้วมันมีช่วงที่เฮดสีและเฮดพี่เลี้ยงถูกสัมภาษณ์ พอได้ดูบทสัมภาษณ์พร้อมน้องๆ แล้วมันรู้สึกดีใจ เหมือนได้ส่งความในใจไปถึงน้องๆ เพราะไม่สามารถพูดต่อหน้าน้องได้ เดี๋ยวร้องไห้ เนื่องจากพี่เป็นคน sensitive มากๆ ฮ่าฮ่า
ผลตอบรับหลังปิดค่าย
พี่จ๊ะ – รู้สึกคิดถึงบรรยากาศค่ายครับ แต่ก็ดีใจ ที่ผลตอบรับออกมาดีกว่าที่คาดไว้มากเลย 555
น้องได้รับความรู้และค้นพบเส้นทางในการเรียนต่อ บางคนคิดว่าอยากเรียนภาคนี้ แต่พอเข้าค่ายจริงๆ กลายเป็นอยากเรียนอีกภาคก็มี เพราะค่ายนี้แนะนำทุกภาควิชาของ SIIT เลย แต่ยังไงก็ยังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขและปรับปรุงอยู่ ซึ่งหลังจากค่ายพี่ๆ ก็ได้มีการประชุม Feedback กันอย่างตั้งใจเพื่อที่ปีต่อๆ ไปจะสามารถพัฒนาค่ายให้ดียิ่งขึ้นไปอีก หวังว่าจะเป็นที่พอใจของน้องๆ ค่ายปีหน้านะครับ
พี่สาลี่ – ตอนหลังปิดค่าย รู้สึกเหงามาก เพราะได้ใช้เวลาร่วมกับน้องๆ แทบจะตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน ได้เต้น ได้เล่นเกม ได้กินข้าวด้วยกัน
จาก Feedback มีน้องๆ หลายๆ คนบอกว่า ค่ายสนุก พี่เลี้ยงน่ารัก เฮดพี่เลี้ยงสวย (ฮิ้ววววว)
คิดว่าการมาทำค่ายนี้ พี่ๆ ได้อะไรฮะ
พี่จ๊ะ – นี่ถือเป็นอีกจุดประสงค์หนึ่งของค่ายครับ นอกจากจะมอบความรู้และแนวทางในการศึกษาต่อให้น้องๆ แล้ว การพัฒนาทักษะการทำงานของนักศึกษา SIIT เองก็เป็นหนึ่งจุดประสงค์หลักของกิจกรรมนี้ เพราะว่าทักษะเหล่านี้หาไม่ได้จากในห้องเรียนครับ
ถ้าถามว่าได้อะไรบ้างคงยาว 555 พี่ขอสรุปสั้นๆ ตามที่รุ่นพี่ SIIT สอนกันมาละกันนะครับว่า
การเรียนสอนให้คนมีงานทำ แต่กิจกรรมสอนให้คนทำงานเป็น
เพราะฉะนั้นถ้าน้องๆ มีเวลาว่าง อย่าลืมหาโอกาสทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเองดูนะครับ พี่การันตีเลยว่าช่วยได้มากจริงๆ
พี่สาลี่ – ได้รับประสบการณ์ ได้รู้จักกับน้องๆ จากหลายๆ โรงเรียนรวมถึงได้สนิทกับรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะมากขึ้น และได้รับความอิ่มเอมใจค่ะ ตื้นตันใจที่ค่ายที่เราทุ่มเทได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่กำลังสนใจเข้าค่ายหรือเรียนต่อสาขานี้
พี่จ๊ะ – อยากฝากถึงน้องๆ ว่ามหาลัยเป็นทางแยกที่สำคัญสำหรับชีวิตน้องๆ มากนะครับ
น้องเลือกเรียนคณะนึง อนาคตน้องก็อาจจะต้องเบนไปทางนึงเลย แค่คณะเดียวกัน คนละภาค อนาคตก็แตกต่างกันมากแล้วครับ เพราะฉะนั้นพี่อยากให้น้องๆ ตัดสินใจให้ดีและคิดให้รอบคอบว่า เราอยากเรียนอะไร เรียนแบบไหน และทำงานอะไร มาร์คจุดหมายไว้เราจะได้เลือกเส้นทางของเราถูก
สุดท้ายนี้ ถ้าน้องพิจารณาแล้วว่าสนใจ SIIT พี่ๆ ยินดีต้อนรับน้องเสมอครับ มาลองดูค่ายก่อนก็ได้ อย่าไปกลัวตาม Internet เพราะพี่พูดเลยว่ามันไม่จริง สังคมที่นี่อบอุ่นครับ จะเห็นเรื่องเดียวว่าจริง คือเรียนยากจริง 5555
เข้าง่ายจบยาก แต่นั่นหมายความว่าอะไร? มันหมายความว่าถ้าน้องจบมาได้ น้องคือคนที่มีคุณภาพแล้วครับ ซึ่งมันไม่เกินความพยายามของน้องแน่นอน
สุดท้ายจริงๆ ละ 55
ไม่ว่าน้องๆ จะเข้า SIIT หรือไม่ พี่ก็ขออวยพรให้น้องๆ เจอคณะและมหาวิทยาลัยที่ใช่สำหรับตัวเองนะครับ :)
พี่สาลี่ – ฝากถึงน้องๆ ม.ปลาย พี่อยากให้น้องๆ ลองสมัครค่ายดู มันจะเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีมากๆ ในวัยเรียนหนึ่งอัน
ถ้าน้องกังวลเรื่องไม่มีเพื่อนไปค่าย น้องจะได้เพื่อนกลับไปแน่นอน แถมได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศในที่นั้นๆ ด้วยว่าเราชอบมันมั้ย และเราชอบคณะนี้จริงๆ ใช่รึป่าว และน้องอาจจะได้รับแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นด้วย
ฝากบอกน้องๆ ที่จะเข้ามาเรียนที่ SIIT ยินดีต้อนรับน้องๆ ทุกคนเข้าสู่คณะสีม่วง-เลือดหมูของเรา
พี่อยากให้น้องตั้งใจเรียนและเข้าร่วมกิจกรรมหลายๆ อย่าง เพราะชีวิตมหาลัยมันจะผ่านไปเร็วมาก ตักตวงทุกประสบการณ์ และความรู้เอาไว้เยอะๆ พี่ยินดีที่จะให้คำปรึกษาเสมอ
และฝากถึงน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบไม่ว่าจะคณะไหน มหา’ลัยอะไรก็ตาม ขอให้น้องๆ ตั้งใจอ่านหนังสือและตั้งใจสอบเข้าให้ได้สมใจหวังทุกๆ คนเลยนะคะ
คุยกับน้องค่าย
สวัสดีฮะ แนะนำตัวกันหน่อย
น้องกออาย – สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อชญานิศ ใจถา ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ม.6 โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงรายค่ะ
น้องดิว – ชื่อภัทรพล มีจันทร์ครับ อยู่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ชั้น ม.5 ครับ
น้องรู้จักค่ายนี้ได้ยังไงครับ
น้องกออาย – รู้จาก CampHUB ค่ะ
น้องดิว – รู้จักจากเว็บ CampHUB ครับ
ทำไมถึงเลือกเข้าค่ายนี้ อยากเรียนต่อที่ม.ธรรมศาสตร์อยู่แล้วรึเปล่าเอ่ย
น้องกออาย – ใช่ค่ะ หนูอยากเรียนต่อที่ม.ธรรมศาสตร์อยู่แล้ว ก็จะคอยติดตามตลอดว่ามีค่ายไหนมาอัปเดตบ้าง
พอมาเจอค่ายนี้ เห็นรูปโปรโมทค่ายน่าสนใจ เราก็คิดว่าเอ้อ เรารู้จักคณะ SIIT นะ แต่เราไม่ได้รู้จักจริงๆ ว่าคณะนี้คือคณะอะไร เรียนเกี่ยวกับอะไร จะใช่ตัวเราหรือเปล่า และปีที่แล้วสมัครไม่ทัน พอมาปีนี้เห็นเปิดรับแล้ว เลยเลือกค่ายนี้ค่ะ
น้องดิว – อยากเรียนต่อวิศวะที่ธรรมศาสตร์ครับ เเล้วเห็น SIIT เป็นวิศวะหลักสูตรนานาชาติ ทำให้ผมสนใจครับ
ตอนรู้ตัวว่าเราติดค่ายนี้รู้สึกยังไงบ้าง
น้องกออาย – ตอนเห็นชื่อตัวเองติด ตอนนั้นคือดีใจม๊ากกก (กอไก่ล้านตัว) ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ
การเตรียมตัวสิ่งแรกเลยคือจองตั๋วเครื่องบินค่ะ เพราะหนูเป็นคนเชียงราย และจะมีพี่ๆ สร้างไลน์กลุ่มค่ายมา เราก็ประกาศตามหาเพื่อนที่มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน นัดเจอกันไปค่ายพร้อมกันอะไรแบบนี้ และที่สำคัญเลยคือติดตามหน้าเพจค่ายตลอด ว่าพี่ๆ ให้เตรียมอะไรไปบ้าง
น้องดิว – ตอนติดค่ายนี้รู้สึกดีใจมากครับ เตรียมตัวก็จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม เเล้วก็ของที่คิดว่าน่าจะได้ใช้ในค่ายครับ
เหตุการณ์ประทับใจในค่าย
น้องกออาย – ประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึงค่ายเลย มีพี่ๆ มาช่วยถือกระเป๋าพาไปลงทะเบียน ตอนทำกิจกรรมพี่ๆ ทุกคนดูจอยทุกคน ทำให้น้องไม่เกร็ง พี่ๆ เข้าหาน้องทุกคน เพื่อนๆ ค่ายถึงแม้ว่ามาจากคนละที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ทุกคนก็เป็นกันเองมาก
ตอนไปฐานของแต่ละภาควิชา พี่ๆ ก็จะคอยถามว่าน้องเข้าใจมั้ย มีอะไรจะถามพี่ๆ หรือเปล่า พอเราถามพี่ก็ตอบได้หมดเลย พี่ๆ จะคอยเล่าให้ฟังด้วย ว่าในคณะนี้มีกิจกรรมอะไรบ้าง ไม่ได้มีแค่เรียนนะ
กิจกรรมบายศรี หนูคิดว่าเป็นกิจกรรมที่ขลังมาก กิจกรรมที่เราได้พูดความในใจให้พี่ๆ ได้ฟัง และได้ฟังความในใจจากพี่ๆ มันทำให้เราผูกพันธ์กันมากตลอดเวลา 2 วันที่อยู่ด้วยกันมา ประทับใจมากๆ
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่หนูรู้สึกประทับใจคือ ตอนช่วงเวลาที่เรานอนค่ะ หนูได้เห็นว่าขณะที่พวกเรานอนหลับกันสบาย จะมีพี่ๆ ที่คอยนั่งเฝ้าดูแลความปลอดภัยให้พวกเราอยู่หน้าห้อง ทั้งๆ ที่พวกพี่ๆ ก็เหนื่อยจากกันทำงานมาทั้งวัน แต่พี่ๆ ยังมาดูแลพวกเราตลอดเวลา
น้องดิว – ผมประทับใจตอนบายศรีครับ เป็นตอนที่รุ่นพี่จะช่วยเเนะนำเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องเรียน เรื่องการสอบเข้า เรื่องเพื่อน เรื่องการปรับตัวในคณะครับ
คิดว่าค่ายนี้ให้อะไรกับเราบ้าง
น้องกออาย – ค่ายนี้ทำให้เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น
- ได้ลอง Drawing
- ได้ลองเขียนโค้ดลงโปรแกรม Python
- ได้ลองต่อวงจรไฟฟ้า
- ได้เห็นการพิมพ์เหล็ก
- ได้เห็นแล็บในการเรียนของแต่ละภาควิชา
- ได้เห็นรถ Formular One แบบใกล้ๆ
และได้ฟังประสบการณ์ตรงจากพี่ๆ ที่จบไปแล้ว
มันทำให้รู้ว่าแต่ละภาคเรียนอะไรบ้าง จบไปแล้วทำงานอะไร
และที่สำคัญนอกจากค่ายนี้จะทำให้เรารู้ตัวเองว่าชอบคณะนี้หรือเปล่าแล้ว ค่ายนี้ยังให้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนๆ ค่าย จากพี่ๆ ค่ายมากมาย ค่ายนี้ให้อะไรมากกว่าที่หนูคิดมากเลยค่ะ
น้องดิว – คิดว่าค่ายนี้ทำให้รู้จักคณะ SIIT มากขึ้นครับ ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ รู้จักรุ่นพี่ ได้ความรู้ใหม่ๆ เช่น Python / Drawing เเละได้ไปดูเเล็บของภาคต่างๆ ครับ
พอจบค่ายไปแล้ว คิดว่าจะเลือกเรียนต่อในเส้นทางนี้มั้ย
น้องกออาย – สำหรับหนูคือไม่ค่ะ ต้องขอบคุณค่ายนี้จริงๆ ทำให้หนูรู้ตัวเองว่าเส้นทางวิศวกรไม่ใช่ตัวหนูค่ะ
น้องดิว – เรียนครับ เพราะผมอยากเข้าวิศวะอยู่เเล้ว
สุดท้ายแล้ว ขอ 3 คำกับค่ายนี้ครับ
น้องกออาย – รู้จักตัวเอง พี่ค่ายงานดี เพื่อนๆ น่ารัก
น้องดิว – อยาก ไป อีก 55
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย กับบทสัมภาษณ์ความประทับใจและแคมป์รีวิว SIIT Open House ตอนนี้ ~
พี่ช้างก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการช่วยน้องๆ ตัดสินใจว่าจะสมัครค่ายนี้ดีมั้ย
และสำหรับน้องๆ ที่สนใจค่ายนี้คงต้องอดใจรอกันนิดนึง เพราะปกติค่าย SIIT Open House จะจัดขึ้นทุกปี โดยจะเปิดรับสมัครช่วงก.พ. / มี.ค. และจัดค่ายในช่วงเม.ย. ถ้าค่าย SIIT Open House 2019 เปิดรับสมัครเมื่อไหร่ แคมป์ฮับ จะรีบมารายงานให้น้องๆ รู้กันให้เร็วที่สุดเลย !!
สำหรับวันนี้พี่ช้างก็ขอลาไปก่อน แล้วพบกันในแคมป์รีวิวตอนหน้า สวัสดีครับ :)
ติดตามค่าย SIIT Open House
เว็บไซต์สถาบัน Facebook ค่าย Twitter @SIITOpenHouse
เขียนโดย : พี่ช้าง แคมป์ฮับ
ขอขอบคุณรูปภาพ : เพจ ค่ายเปิดบ้าน SIIT ธรรมศาสตร์ และ SIIT Photo Club