กดแชร์เอาไว้อ่านทีหลัง หรือแชร์ให้เพื่อน คลิกด้านล่างเลยจ้า
CAMPHUB review

รีวิวค่าย One Day Visit 62 เปิดม่านประสบการณ์เบื้องหลังละครเวทีนิเทศจุฬาฯ [EP.73]

ALL ABOUT One Day Visit – One Day at Ephémère

  • ค่ายหนึ่งวันที่แนะนำคณะผ่านเบื้องหลังการทำละครเวทีที่จัดโดยพี่ๆ นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ
  • คุมธีม Ephémère บรรยากาศค่ายเหมือนได้อยู่บนรถไฟ
  • จดหมายที่ระลึกที่พี่ๆ มอบให้น้องค่าย น่าประทับใจ จนไม่กล้าเปิดอ่าน

สวัสดีค่ะ น้องๆ ทุกคน แคมป์รีวิวอีพีแรกของปี 2020 นี้ มาพบกับพี่จาบอนที่จะขออาสาพาน้องๆ ทุกคนมาชมรีวิวที่อาจเป็นค่ายในฝันของเด็กๆ หลายคน นั่นก็คือค่าย ONE DAY VISIT – ONE DAY AT Ephémère ที่จัดโดยพี่ๆ จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่าค่ายนี้ค่อนข้างแตกต่างจากค่ายอื่นๆ เพราะจัดแค่วันเดียวเท่านั้น แต่บอกได้เลยว่าภายในวันเดียวนี้ น้องๆ ที่มาจะได้รับความรู้ที่มีคุณภาพมากๆ กลับไปแน่นอน แล้วภายในหนึ่งวันนี้น้องๆ จะได้เจออะไรบ้าง? ตามไปดูกันเลย..

ในหนึ่งวันนี้ เขาทำอะไรกัน?

ในช่วงเช้านี้ จะมีโชว์การแสดงเปิดตัวจากพี่ๆ ที่ได้แอบซุ่มซ้อมกันมาก่อนหน้านี้เพื่อต้อนรับน้องๆ อย่างอบอุ่น ซึ่งบอกได้เลยว่ามีทั้งความสนุก และเสียงหัวเราะจากบรรดาน้องๆ และพี่ๆ ทุกคนที่ร่วมงานเลยทีเดียว ตามมาด้วยการบรรยายหลักสูตรจากพี่ๆ ว่าหากน้องๆ เข้ามาเรียนที่คณะแห่งนี้ จะได้เรียนอะไรกันบ้าง

มาๆ พี่จะเล่าให้ฟังว่าคณะนิเทศมีภาควิชาอะไรบ้าง..

ทั้งภาควิชาต่างๆ อันประกอบไปด้วย 

  1. การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) 
  2. การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) 
  3. วารสารสนเทศ (Journalism) 
  4. วาทวิทยาและสื่อสารการแสดง (Speech Communication and Performing Arts)
  5. การภาพยนตร์และภาพนิ่ง (Motion Pictures and Still Photography) 

รวมทั้งน้องๆ จะได้ฟังเนื้อหาที่จะได้เรียนคร่าวๆ เรียกว่าได้ทั้งสาระ และความบันเทิงไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ส่วนช่วงบ่าย พี่ๆ ก็ได้แบ่งน้องเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปยังฐานต่างๆ โดยแต่ละฐานจะเป็นความรู้และองค์ประกอบของการสร้างละครเวทีขึ้นมาหนึ่งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสียง ฝ่ายเพลง ฝ่ายเครื่องแต่งกาย ฝ่ายแสง กระทั่งฝ่ายเขียนบทเพื่อให้เป็นละครขึ้นมาเลยค่ะ โดยน้องๆ จะได้พบกับพี่ๆ นิเทศศาสตร์ที่ทำงานฝ่ายนั้นจริงๆ พาน้องๆ มารู้จักและเข้าใจงานของฝ่ายนั้นๆ รวมถึงลองเวิร์กช็อปเล็กๆ ร่วมกันในแต่ละฝ่าย แอบเห็นน้องๆ ตั้งใจทำกันแล้วรู้สึกอิจฉามากๆ เลยค่ะ 

แอบบอกว่า.. เมื่อเสร็จสิ้นทุกกิจกรรมยังมีกิจกรรมเซอร์ไพรส์พิเศษ ที่หากใครอยากรู้ ต้องลองสมัครในปีหน้าๆ เพื่อมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ เลยล่ะค่ะ รับรองว่าคุ้มมากๆ ซึ่งรับรองว่าในแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกันอีกด้วยนะ 

กิจกรรมจากฐานของพี่ ๆ ฝ่ายคอสตูมหรือเครื่องแต่งกายนักแสดง

ทำไมค่ายของคณะนี้ ต้องเกี่ยวกับละครเวที?

จะเห็นได้ว่า ตลอดหนึ่งวันนี้ น้องๆ จะได้สัมผัสกับการทำละครเวทีขึ้นมาหนึ่งเรื่องจริงๆ และพี่ๆ ที่มาให้ความรู้ คือพี่ๆ ที่ผ่านการทำงานด้านนั้นจริงๆ ซึ่งตรงนี้ พี่จาบอนได้พูดคุยพี่เอม ผู้กำกับละครในปีนี้ พี่เอมได้บอกพี่จาบอนมาว่า “ละครเวที เป็นกิจกรรมคณะที่ใหญ่มาก ทำให้ทุกคนได้ฝึกสกิลล์ ความสามารถต่างๆ ดังนั้นหากน้องๆ ก้าวเข้ามาเป็นเด็กนิเทศ ละครก็จะเกี่ยวข้องกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น One Day ที่น้องได้มาเข้า จะทำให้น้องได้รับประสบการณ์ตรงนี้ ที่เป็นประสบการณ์จริง ที่จะเป็นอีกหนึ่งมุมสำคัญในคณะ”

และเมื่อถามว่า มีความรู้สึกยังไงกับวันนี้ พี่เอมก็ได้ให้คำตอบมาว่า “วันนี้สนุกดีค่ะ ชอบตอนอยู่ฐานทีมเขียนบท มีกลุ่มนึงสนุกกับการสร้างเรื่องมาก ชอบตอนที่น้องมีความสนุกกับสิ่งที่ทำ เราได้เห็นความตั้งใจ ความคิดสร้างสรรค์ที่น้องพยายามถ่ายทอด รวมถึงตอนเวิร์กช็อปแอกติ้ง ได้เห็นสิ่งที่น้องทำ ก็รู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ”

เครื่องแต่งกาย สร้างคาแรคเตอร์!

พี่ ๆ ดูแลน้อง ๆ อย่างดีเลยยย

มาพูดคุยกับพี่ค่ายน้องค่าย

ฟังจากพี่จาบอนมุมเดียว อาจจะไม่ยังไม่ครบถ้วน ดังนั้นพี่จาบอนก็ขอไปขโมยตัวทั้งพี่ๆ และน้องๆ ที่มาร่วมค่ายนี้มาพูดคุยกันเล็กน้อย เราไปอ่านบทสัมภาษณ์กันเลยดีกว่าค่ะ

แนะนำตัวเองกันหน่อย

น้องเนย : ชื่อเนยค่ะ ตอนนี้อยู่ ม.6 แล้ว โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา กรุงเทพฯ ค่ะ
น้องพิ้ง : สวัสดีค่า ชื่อพิ้งนะคะ อยู่ ม.6 มาจากโรงเรียนศึกษานารี กรุงเทพฯ ค่ะ
น้องภูวิน : ผมชื่อภูวินครับ อยู่ ม.5 โรงเรียนร่วมฤดี กรุงเทพฯ ครับ
พี่ปั้น : ปั้นครับ ตอนนี้เรียนอยู่ปี 1 ภาคไทยครับ ยังไม่ได้เลือกสาขาเพราะว่าเขาเลือกกันตอนปี 2
พี่วอร์ม : ชื่อวอร์ม ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 ภาควิชาวารสารสนเทศและสื่อใหม่ครับ

น้องพิ้ง จากโรงเรียนศึกษานารี

ขอถามพี่ๆ ก่อนว่าทำไมถึงมาเลือกเรียนที่นี่คะ?

พี่ปั้น : ได้ยินเกี่ยวกับคณะนี้มานานพอสมควรแล้ว ใจจริงๆ เลยอยากเรียนภาพยนตร์ และคิดว่าที่นี่สามารถให้สิ่งที่เราอยากทำได้และตรงตามเป้าหมายมากที่สุดครับ และพี่ก็เคยเป็นเด็ก One Day มาก่อนเช่นกันครับ เคยเป็นตอนปี 2018 หรือว่าปีของละครแบ๊ดส์บอยซอยตันนั่นเอง

พี่วอร์ม : พี่เป็นน้อง One Day ปี 2015 มาก่อนครับ และคิดว่าการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ แบบคนที่มีความรู้เยอะๆ ถ้าสื่อสารไม่ได้ ก็ไม่มีความหมาย เลยคิดว่าเราเองอาจไม่ได้มีความรู้อะไรมาก แต่เราอยากทำหน้าที่นำสารต่างๆ มาบอกให้สังคมได้เข้าใจแทนครับ

พี่ปั้น และ พี่วอร์ม

น้องๆ ทำไมถึงเลือกสมัครค่ายนี้ รู้จักค่ายนี้ได้ยังไงเอ่ย?

น้องเนย : หนูอยากเข้านิเทศ จุฬาฯ อยากมาหาประสบการณ์ มาทำงานร่วมกับพี่ๆ นิเทศ แล้วก็มารู้จักค่ายนี้ได้เพราะติดตามจากเพจละครนิเทศค่ะ

น้องพิ้ง : ส่วนตัวเนี่ยสนใจนิเทศ จุฬาฯ อยู่แล้วค่ะ ไหนๆ เขาก็จัดค่ายดีๆ แบบนี้ขึ้นมา จะไม่มาก็คงไม่ได้ใช่มั้ยคะ? 5555 พิ้งเห็นค่ายนี้ตามโซเชียลที่พี่ๆ เขาได้ลงรายละเอียดไว้ให้เลยค่ะ 

น้องภูวิน : ผมมีโอกาสมาเข้าค่ายเพราะมีพี่นิเทศส่งข้อมูลมาให้ครับ พอเห็นว่าเป็นของนิเทศ จุฬาฯ ผมก็อยากมาเลยครับ เลยส่งใบสมัคร

น้องภูวิน จากโรงเรียนร่วมฤดี

แล้วพี่ๆ ทำไมถึงตัดสินใจมาทำค่าย แล้วทำหน้าที่อะไร?

พี่ปั้น : เพราะปีที่แล้วพี่ก็เคยได้เป็นเด็ก One Day มาก่อน ก็อยากจะมอบโอกาสให้เด็กๆ หลายๆ คนได้มารับประสบการณ์ดีๆ ที่พี่เคยได้รับมาก่อน ส่วนค่ายนี้พี่ได้ทำหน้าที่ 3 อย่างในค่ายนี่ 1. ช่วยคัดเลือกน้องๆ เข้าค่าย One Day 2. แสดงของละคร One Day ซึ่งเป็นละครเวทีต้อนรับน้องๆ ซึ่งนอกจากให้ความบันเทิงแล้ว การแสดงนี้ยังทำให้น้องๆ ได้เข้าใจเกี่ยวกับละครเวทีมากขึ้นด้วยนะครับ 3. ช่วยคุมด้านฝ่ายเสียง ทำให้น้องๆ ได้เข้าใจความสำคัญของฝ่ายเสียงในละครนิเทศมากขึ้น

พี่วอร์ม : พี่เป็นพี่ฝ่ายเสียงปี 2 ที่คอยดูน้องฝ่ายเสียงปี 1 จัดฐานให้เด็กที่มาเข้าค่ายอีกที ก็ต้องดูว่าการจัดฐานเป็นยังไงบ้าง น้องปี 1 ให้ความรู้น้องถูกไหม ขาดตรงไหนรึเปล่า ฐานสนุกสมเป็นชาวนิเทศ จุฬาฯ รึยัง ประมาณนี้ฮะ 5555 

พี่ปั้นกำลังให้คำแนะนำน้อง ในฐานเสียง

ไหนน้องๆ ลองเม้าท์พี่ๆ ในค่ายให้ฟังหน่อยว่าเป็นไงบ้าง?

น้องเนย : รู้สึกว่าพี่ๆ ในค่ายน่ารักมากค่ะ ดูแลและแนะนำเราเป็นอย่างดี เช่นการเตรียมตัวเข้าคณะ เข้ามาคุยด้วยตลอดเพื่อไม่ให้เราเหงา เพราะบางคนก็มาค่ายนี้คนเดียว ก็อาจจะไม่ค่อยกล้าคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ ในส่วนของตัวค่ายคือดีมากๆ เลย อย่างปีที่แล้วหนูก็ได้มา One Day Visit รู้สึกไม่ต่างจากปีที่แล้วเลย มันสนุกมากๆ ค่ะ

น้องพิ้ง : สำหรับพี่ๆ ที่ค่ายนะคะ ก็คือเป็นกันเองมาก แบบว่าเอเนอร์จี้คือที่สุด มีสิบให้ร้อย มีร้อยให้ล้านกันไปเลย 5555 พี่เขาดูแลเรามากๆ ไม่ต้องกลัวเลยว่าไปแล้วจะเหงา หรือจะไม่มีเพื่อน เพราะว่าพี่เขาชวนคุยเก่งมากค่ะ สำหรับค่ายก็คือด้วยความที่เขาจัดตามธีมของละคร ก็คือ Tuesday at Ephémère ใช่มั้ยคะ ก็คือมันก็จะมีความรถไฟ พอไปถึงก็เจอตั๋วรถไฟที่มีหน้าเราแปะอยู่ตรงแบ็กดร็อปเลย น่ารักมากๆ ค่ะ 5555

น้องภูวิน : ผมชอบบรรยากาศที่ อบอุ่น เป็นกันเอง และการถามตอบ ที่พี่ๆ ช่วยให้ความรู้และสิ่งใหม่ๆ กับน้องมากเลยครับ ผมชอบทุกกิจกรรมเลยครับ ส่วนกิจกรรมที่ผมประทับใจที่สุดคือการที่ไปดูพวกพี่ๆ เค้าซ้อมละครเวทีเพราะเห็นถึงความตั้งใจในการซ้อม และพยายามถ่ายทอดสอนเทคนิคให้น้องๆ ครับ ซึ่งการที่ผมได้ทำกิจกรรมหลายอย่าง มันช่วยเปิดโลกทัศน์ของผมครับ

น้องเนย จากโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษา

เดี๋ยวจะหาว่าไม่แฟร์ เปิดโอกาสให้พี่ๆ เม้าท์น้องๆ บ้างดีกว่า และคิดว่าน้องๆ จะได้รับอะไรกลับไป?

พี่ปั้น : รู้สึกว่าชอบทุกๆ คนที่มามากๆ เลย ถึงแม้ว่าพี่จะแทบไม่ได้คุยกับน้องๆ เยอะขนาดนั้น แต่ชอบแพชชั่นที่น้องๆ มีให้กับคณะและละครของนิเทศมากๆ ประทับใจในตัวทุกๆ คนที่มามากๆ เลย ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ โดยเฉพาะสำหรับน้องปี 1 อย่างพี่ เพราะว่าเหมือนเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้ทำอะไรเพื่อน้องๆ มันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่นมากๆ ด้วยความที่พี่ๆ ทุกคนอยากรู้จักน้องๆ ทุกคน และน้องๆ ก็อยากรู้จักพี่ๆ เช่นกัน ทำให้รู้สึกว่าบางคนได้เจอกันแค่วันแรก และวันเดียวก็สนิทกันแล้ว รวมถึงได้รู้จักคณะนี้มากขึ้น พร้อมความสุขและความประทับใจ

พี่วอร์ม : พี่เหมือนเห็นตัวเองตอน ม.ปลาย เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น เปี่ยมไปด้วยความฝัน เราอยากบอกเล่าสิ่งต่างๆ ให้น้องรู้ เหมือนตอนที่เราเคยรู้ตอนเราเป็นน้องค่าย เพราะมันคือความอบอุ่นแบบฉบับของนิเทศศาสตร์ที่คงไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ เรารู้สึกว่ามันเป็นมวลแห่งความสุข น้องค่ายได้ความรู้ ความประทับใจ พี่ค่ายก็ได้มอบความสุข และมุมมองต่างๆ โห ภาพแบบนี้ เราเองยังอยากให้มีมากกว่าแค่ปีละครั้งเลย เพราะน้องจะได้รู้จักนิเทศ จุฬาฯ เห็นไลฟ์สไตล์ กิจกรรม และอย่างน้อยที่สุดน้องจะได้ความสัมพันธ์ดีๆ ไม่มากก็น้อย จริงมั้ยครับ?

กิจกรรมจากฐานของพี่ ๆ ฝ่ายแสง

เข้าค่ายกันมาทั้งวันแล้ว มีโมเมนต์ไหนที่ประทับใจบ้างมั้ยคะ?

น้องเนย : ตอนอยู่ใต้ถุนนิเทศค่ะ ชอบเอเนอร์จี้ของพี่ๆ ทุกคน เต้นกันสุด ๆ ไปเลย

น้องพิ้ง : ตอนที่ได้รับจดหมายเป็นของที่ระลึกจากพี่ๆ ค่ะ คือมันสวยมาก มีตราประทับของละครนิเทศด้วย เอาตรงๆ คือได้มาไม่กล้าแกะเลย แล้วยิ่งพอรู้ว่าจดหมายแต่ละฉบับที่พวกเราได้เนี่ย เป็นจดหมายที่พี่ๆ เขียนให้เรา พอหนูได้อ่านก็ประทับใจมากๆ เหมือนได้รับกำลังใจที่พี่เขาส่งให้ผ่านจดหมาย ชอบมากๆ ค่ะ แล้วก็มีตอนที่ช่วยกันทำฉากทำพร็อพของละคร พี่ๆ ทุกคนตั้งใจกันมากๆ เพื่อให้ทุกอย่างออกมาดี แล้วเราก็ได้เป็นส่วนนึงในการทำละครตรงนั้น เดี๋ยวหนูจะไปดูพร็อพที่หนูทำในวันแสดงจริงนะคะ

น้องภูวิน : โมเมนต์ที่ผมประทับใจมากที่สุดคือตอนที่พวกพี่ๆ เค้าชวนน้องๆ ให้เข้ามาในห้องซ้อมแล้วลองทำแบบฝึกหัดการแสดง ซึ่งมีประโยชน์มากครับ

พี่ปั้น : สำหรับพี่ คิดว่าโมเมนต์ที่พี่ประทับใจมากๆ คงเป็นโมเมนต์ที่พี่ได้เห็นภาพที่น้องๆ มานั่งรวมตัวที่ใต้ถุนคณะนิเทศ และเมื่อมาคิดอีกที พี่ก็เคยเป็นน้องๆ เหล่านี้ที่มานั่งนี่นา มันทำให้พี่ได้รู้สึกว่าทุกอย่างที่เราพยายามตั้งใจสอบเข้ามามันคุ้มแค่ไหน

พี่วอร์ม : ประทับใจภาพที่น้องปี 1 ที่เรารับเค้าเข้ามา กลายเป็นพี่ที่ทำฐานให้น้องมัธยมที่มาเข้าค่ายบ้าง ซึ่งคนเป็นพี่อย่างเรามันตื้นตันนะ ที่น้องปี 1 ของเรามันโตขึ้น และมันทำฐานสนุกๆ ให้น้องค่ายได้เล่นกัน

จดหมายที่ระลึกจากค่ายนี้

กิจกรรมจากฐานของพี่ ๆ ฝ่ายเพลง

อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังอ่านรีวิวนี้อยู่ หรือคนที่ลังเลอยู่บ้างมั้ยคะ?

น้องเนย : สำหรับน้องๆ หรือเพื่อนๆ ที่อ่านอยู่นะ ถ้าคิดอยู่ว่าปีหน้าจะมาดีรึป่าว อยากให้มากันจริงๆ พี่ๆ ในคณะน่ารักมาก กิจกรรมสนุกทุกอย่าง ไม่น่าเบื่อเลย ไม่ต้องกลัวที่จะมาคนเดียว หรือกลัวไม่มีเพื่อน เราบอกเลยว่ามาเถอะ ยังไงก็มีเพื่อนแน่นอน

น้องพิ้ง : ขอบอกเลยนะคะ ว่าการที่น้องมาเข้า One Day เนี่ย จะทำให้น้องๆ ได้รู้จักเกี่ยวกับคณะนิเทศศาสตร์มากขึ้น สำหรับคนที่ยังลังเล หรือว่ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็อยากให้ลองมาดูก่อนนะ รวมถึงคนที่คิดว่าจะเข้าคณะนี้อยู่แล้ว ยิ่งอยากให้มาเลย เพราะว่าจะได้แรงฮึบจากพี่ๆ ทุกคนด้วย มาค่ายนี้ มันไม่ใช่แค่แบบ มาแล้วจบไป มันได้อะไรหลายอย่างมากๆ ได้เจอเพื่อนๆ พี่ๆ ได้ทำกิจกรรมสนุกๆ ได้ประสบการณ์ ได้มิตรภาพจากเพื่อนๆ ได้กำลังใจจากพี่ๆ และที่สำคัญก็คือได้ความทรงจำดีๆ จากค่าย มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้เจอกันในปีหน้านะคะ

น้องภูวิน: รีบมาสมัครกันนะครับ ของเค้าดีจริงๆ

กิจกรรมจากฐานของพี่ ๆ ฝ่ายเพลง

น้องๆ ร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน เลยค่ะ ^^

พี่ปั้น : อยากบอกน้องๆ ทุกคนว่า ถ้าน้องอยากมีโอกาสที่จะมาเป็นน้องค่ายนี้ ตั้งใจให้มากๆ ครับ ตั้งใจทำกิจกรรมที่เราจะมอบหมายให้น้องๆ และอ่านกฎให้ดีครับว่าต้องทำอะไรบ้าง 5555 เพราะว่ามีน้องหลายคนมากที่ทำกิจกรรมดีมาก แต่ไม่ได้ทำตามกฎที่เราบอก ทำให้พี่เสียดายที่เลือกน้องๆ มาไม่ได้มากๆ เลย 

พี่วอร์ม : เรารู้สึกว่า อย่าไปคิดอะไรมาก มาเหอะ มาหาประสบการณ์ใหม่ๆ มาเหอะ มารู้จักกัน อยากรู้จัก 555

สุดท้ายแล้วค่าา มีใครอยากฝากอะไรมั้ยคะ?

พี่ปั้น : พี่ขอพูดจบหน่อยละกัน พี่อยากบอกว่า ถึงแม้น้องๆ จะเป็นใครก็ตาม เป็นคนที่เพิ่งรู้จักคณะนี้ เป็นคนที่อยากเข้าคณะนี้มานานแล้ว หรือว่ายังตัดสินใจไม่ได้ พี่เชื่อว่าค่ายนี้ช่วยให้น้องตัดสินใจได้มากขึ้นมากๆ และอยากบอกน้องๆ ว่า อย่าเพิ่งหมดไฟกันนะครับ พี่เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสที่จะเป็นหนึ่งในครอบครัวชาวนิเทศ จุฬาฯ ครับ สู้ๆ นะครับน้องๆ ทุกคน 

กิจกรรมจากฐานของพี่ๆ ฝ่ายเสียง

แสง คือองค์ประกอบสำคัญของละครเวที เพราะสามารถสื่อความอะไรหลายๆ อย่างได้!

นี่แหละค่ะ บอกได้เลยว่าน้องมาเข้าค่ายนี้แค่ครั้งเดียว ก็สามารถรู้ได้ว่าหากเข้ามาเป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้วล่ะก็ น้องอาจจะได้พบกับอะไร และสามารถทำอะไรได้บ้าง สุดท้ายนี้พี่จาบอนก็ขอปิดไปด้วย Trailer โปรโมทละครปีนี้มาให้ชมก่อนจากกัน แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า จะมีค่ายไหนมารีวิวให้ฟัง อย่าลืมติดตามแคมป์ฮับไว้ให้ดีๆ วันนี้ไปก่อนน้า บั๊ยบายย

เมื่อจดหมายรักนำพาชายหนุ่มสุดเพอร์เฟกต์อย่าง ‘ทิม’ นั่งรถไฟย้อนเวลาไปหาเรื่องราวความรักของพ่อและแม่ตนเอง แต่ดูเหมือนเส้นทางความรักของทั้งคู่จะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการปรากฏตัวของ ‘อีฟลิน’ หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยความลับ ที่เข้ามาทำให้ความสัมพันธ์ของพ่อและแม่เขาต้องสั่นคลอน ทิมจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางเธอให้ได้

เมื่อต้องการจะวาดอดีตขึ้นมาใหม่ ทุกเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น จึงย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ทิมไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า ปลายทางของรถไฟขบวนนี้จะเป็นเช่นไร

ละครนิเทศจุฬาฯ 62 ขอพาผู้โดยสารทุกท่านขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ
และมาร่วมหาคำตอบพร้อม ๆ กันใน

“Tuesday at Ephémère ณ สถานีที่เราพบกัน”

24 – 26 มกราคม 2563 ณ โรงละครเคเเบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน
ซื้อบัตรละครได้แล้ววันนี้ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ทุกๆ วันศุกร์ เวลา 12:00 – 18:00 น. หรือผ่านทาง

แล้วพบกันใหม่ใน One Day Visit 63 จ้าาา

เขียนโดย : พี่จาบอน แคมป์ฮับ
ขอขอบคุณรูปภาพ : ทีมงานพี่ๆ ค่าย One Day Visit 62

กดแชร์เอาไว้อ่านทีหลัง หรือแชร์ให้เพื่อน คลิกด้านล่างเลยจ้า

ข้อมูลผู้เขียน

พี่จาบอน

พี่จาบอน ผู้สมัครใจเป็นชาวค่ายครั้งแรกตั้งแต่ ม.1 หลังออกค่าย 5 วัน 4 คืนนั้นก็พบว่าติดโรค "หลงค่าย" | บำบัดด้วยการเข้าทุกค่ายที่ท้าทาย เรียกได้ว่าอยู่ค่ายมากกว่าอยู่บ้าน เพราะทุกครั้งเราจะพบโลกใบใหม่มาอีกหนึ่งใบ | สิริรวมแล้วเคยผ่านการเข้าค่ายมามากกว่า 50 ครั้ง | จับพลัดจับพลูมาอยู่คณะไอที