ALL ABOUT Open Capsule
- จากประสบการณ์ที่ได้เข้าค่ายนี้ถึงจะเป็นค่ายแค่วันเดียวแต่สนุกมาก และได้ความรู้เพิ่มเยอะจริงๆ
- อาจารย์ที่คณะจะสอนเสมอว่า “ความไม่รู้ของพวกคุณ คือความเป็น ความตายของผู้ป่วย” ดังนั้นจึงห้ามผิดพลาดเด็ดขาดเลย
- แล็บคลินิก สนุกมากๆ เราได้ลองสวมบทบาทเป็นเภสัชกรจริงๆ พี่ๆ คือตลกมาก 555 ทำให้จากที่เราเกร็งๆ ก็ขำพี่เขาไปด้วย จนลืมความเกร็งไปเลย
สวัสดีจ้าาา กลับมาเป็นประจำวันพุธเช่นเคยกับแคมป์รีวิว วันนี้ “พี่จั๊มพ์” จะพาน้องไปทำความรู้จักกับค่าย Open Capsule ครั้งที่ 16 ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2563 ที่ผ่านมานี่เอง ค่าย 1 วันเต็มที่กิจกรรมอัดแน่น พร้อมการทดลองมากถึง 6 แล็บ ปีนี้เค้าว่ากันว่ามาใน ธีม “My pharmacist รักฉุดใจนายเภสัช” ด้วยน้าาา จะเป็นยังไง สนุกแค่ไหน ไปชมกันเลยยย
รู้จักคณะเภสัชฯ มหิดล กับ “พี่รุจ” ประธานค่าย
เภสัชฯ มหิดล เรียนอะไรบ้าง
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคณะที่ศึกษาเกี่ยวกับสารหรือวัตถุที่นำมาใช้เป็นยาในกลุ่มต่างๆ ทางเภสัชศาสตร์ ซึ่งเราจะเรียนกันทั้งหมด 6 ปี โดยชั้นปีที่ 1 จะเรียนที่วิทยาเขตศาลายา ส่วนปีอื่นๆ จะเรียนที่คณะเภสัชศาสตร์ พญาไท โดยรายละเอียดการเรียนที่น่าสนใจในแต่ละปี มีดังนี้
- ชั้นปีที่ 1 เป็นปีที่น้องๆ จะเน้นเรียนวิชาพื้นฐานเป็นหลัก เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ ฯลฯ ซึ่งถือว่าหนักเอาการเพราะจะต้องตัดเกรดรวมกับคณะอื่นๆ ด้วย แต่ถือว่ามีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือการได้เพื่อนใหม่ต่างคณะนั้นเอง
- ชั้นปีที่ 2 จะได้เริ่มเรียนวิชาที่เกี่ยวกับคณะเภสัชฯ เบื้องต้น ทั้งการวิเคราะห์ยา และการใช้ยา เช่น วิชากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาของมนุษย์ วิชาเภสัชวิเคราะห์ ฯลฯ
- ชั้นปีที่ 3 ชั้นปีนี้ ส่วนมากจะเป็นวิชาภาคต่อจากชั้นปีที่ 2 เรียนให้รู้ลึก รู้จริงกันมากยิ่งขึ้น
- ชั้นปีที่ 4 เริ่มเรียนการใช้ยากับกลุ่มป่วย มีการลงพื้นที่ซักประวัติผู้ป่วยจริงๆ เกี่ยวกับยาในโรงพยาบาล
- ชั้นปีที่ 5 และแล้วก็ได้เวลา ตัดสินใจเลือกสายว่า จะไปทางไหน ซึ่งมีสาขาให้เลือกดังนี้
การบริบาลทางเภสัชกรรม (ด้านผู้ป่วย) เน้นเรื่องการดูแลการใช้ยาของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ร้านขายยา งานเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค
เภสัชอุตสาหการ (ด้านผลิตภัณฑ์) ดูแลเกี่ยวกับการผลิตยา ต้องรู้ตั้งแต่ระบบการวางแผนท่อลมในโรงงาน ยันการตรวจวิเคราะห์ และการพัฒนายา
นอกจากนี้ในชั้นปีนี้ยังได้ทำโปรเจคงานวิจัยร่วมกับอาจารย์ในมหาลัยอีกด้วย และหากผลวิจัยออกมาดี มีประโยชน์จนต้องยกนิ้วให้ ก็อาจถึงขั้นถูกตีพิมพ์ลงวารสาร สู่สายตาชาวโลกด้วย - ชั้นปีที่ 6 ช่วงเวลาแห่งการออกสนามฝึกงานของจริง! ที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องฝึกในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเลือกเรียนสายเภสัชอุตสาหการ ก็สามารถไปฝึกงานในโรงงานยาได้
ความพิเศษของ เภสัชฯ มหิดล
มหิดล เนี่ยถือว่าเป็นมหาลัยทางการแพทย์ของประเทศไทย อันดับต้นๆ ของไทย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องหลักสูตรเลย จะได้เนื้อหาที่ควรได้รับไปเต็มๆ สังคมที่นี่เราช่วยกันเรียน อีกอย่างคือ มีอาจารย์เป็นเหมือนครอบครัวครับ เวลามีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลืออะไร ก็ปรึกษาได้ตลอด เป็นเหมือนครอบครัวเล็กๆ ที่อบอุ่น เราสนิท ตั้งแต่เพื่อน อาจารย์ ป้าร้านขายข้าว จนถึงป้ายามเลยก็ว่าได้
ข้อดีของการเลือกสายตอนปี 5
เราจะได้เรียนรู้วิชาของทั้ง 2 สายในระดับพื้นฐานก่อนขึ้นชั้นปีที่ 5 ทำให้เรามีโอกาสตัดสินใจได้ว่า เราถนัด มีความสนใจ และเหมาะสมกับสายไหนมากกว่ากัน
เรียนเภสัชฯ เป็นได้มากกว่าขายยา
เภสัชฯ ไม่ได้มีบทบาทแค่ในร้านขายยา หรือตู้ยาในโรงพยาบาลนะครับ ทุกๆ ครั้งที่พยาบาลจะจ่ายยาให้คนไข้ที่นอนแอ็ดมิดอยู่ เภสัชฯ จะเป็นคนเตรียมยาและตรวจสอบให้เหมาะสมกับคนไข้ก่อนทุกครั้ง เป็นบทบาทที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ จริงๆ แล้วยังมีอาชีพหลายๆ อย่างที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง
อย่างถ้าจบสายเภสัชอุตสาหการ ก็สามารถทำงานในโรงงานยาได้ ซึ่งทำงานได้หลายส่วน ตั้งแต่ควบคุมการผลิตยา การคัดเลือกสาร วิเคราะห์ พัฒนายา ไปจนถึงการวางแผนการตลาด ส่วนอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจคือทำงานในฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค ใน สคบ. หรือ อย. คอยตรวจสอบฟีดแบคเกี่ยวกับยาจากชาวบ้าน สุ่มตวรจคุณภาพของสินค้าในท้องตลาด แต่ถ้าใครช่างพูด ช่างเจรจา ไม่ชอบทำงานในห้องแล็บ ก็สามารถเป็นผู้แทนยา ช่วยขยายโอกาสในโรงพยาบาลต่างๆ ให้ได้รับยาตัวใหม่ๆ ได้ด้วยนะ
เรียนหนักแบบนี้ ในคณะมีกิจกรรมอะไรให้เข้าร่วมบ้างไหม
มีกิจกรรมให้ทำแก้เครียดเยอะมากกก ไม่ว่าจะเป็น
- ทำสแตนเชียร์ตั้งแต่ปี 1
- กิจกรรมรับน้องของปี 2
- พิธีผูกเนคไทด์–โบว์โทด์ ที่สร้างความคุ้นเคยระหว่างนักศึกษาปี 1 กับอาจารที่ปรึกษา
- ค่ายสานสายใย ค่ายลงชุมชนในต่างจังหวัด ที่จะทำให้ได้ฝึกสกิลการพูดคุยกับชาวบ้านในฐานะเภสัชฯ มากขึ้น
- กิจกรรมยาสีฟัน การแข่งกีฬาระหว่าง คณะทันตฯ และเภสัชฯ มหิดล
- กิจกรรมฟามาโอเกะ กิจกรรมแข่งขันร้องเพลงในคณะ
- กิจกรรมรับน้อง 19 มหาลัย ที่มีคณะเภสัชฯ
และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายจริงๆ ที่พูดมาทั้งหมดถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง เท่านั้นนะครับ
ตะลุย 6 แล็บ กับค่าย Open Capsule 1 วันเต็ม
แล็บแรก
แล็บเภสัชอุตสาหการ
น้องๆ จะได้เรียนการใช้เครื่องมืองทางเภสัชฯ ตั้งแต่ผสมผงยา ประกอบแคปซูลและการตรอกยาเม็ด
แล็บที่ 2
แล็บจุลชีววิทยา
แล็บนี้ถ้าน้องๆ ไม่ได้มาค่ายนี้ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า การอ่านผลแล็บเค้าทำกันยังไง เชื้อดื้อยา แปลว่าอะไร มีหน้าตาแบบไหน
แล็บที่ 3
แล็บเภสัชการ
แล็บที่น้องๆ จะได้ของที่ระลึกกลับบ้านกันด้วย นั้นก็คือ “เจลล้างมือ” ที่เป็นผลงานของน้องๆ เองนั่นเอง ซึ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้จากแล็บนี้ก็คือการได้เตรียมยา และสารต่างๆ ว่าเภสัชฯ เขามีวิธีการจัดเตรียมสารด้วยอุปกรณ์อะไรบ้างนะ
แล็บที่ 4
แล็บเคมีวิเคราะห์
น้องๆ รู้ไหมว่า ผลไม้ที่เค้าบอกกันว่า วิตามินซีสูงกันเนี่ย มันสูงเท่าไหร่กันนะ แล้วปริมาณเท่าไหร่กันที่เค้าบอกว่าสูง แล็บนี้จะได้วิเคราะห์วิตามินซีด้วยตัวเองว่ามีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งที่น้องๆ จะได้เรียนรู้ก็คือ การได้เข้าใจเรื่องการควบคุมยา ให้มีคุณภาพในทุกๆ กระบวนการผลิตนั้นเอง
แล็บที่ 5
เรียนรู้ ไดโคโตมัสคีย์ (เครื่องมือที่ใช้แบ่งกลุ่มย่อยของสิ่งมีชีวิต)
สมุนไพรที่ตั้งอยู่ตรงหน้า เราจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนคือ ฟ้าทะลายโจร น้องๆ จะได้เรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือ ตรวจสอบ และสกัดพืชนั้นๆ เพื่อนำมาใช้ทางการแพทย์
แล็บสุดท้าย
แล็บคลินิก
จ่ายยา จะไปยากอะไร แล็บนี้จะพาน้องๆ ไปรู้ความจริงของหมอยาที่ตู้ยา ว่าจริงๆ แล้วเขามีขั้นตอนมากกว่าที่เราเห็นยังไง เริ่มจาก
- เช็ก วิเคราะห์ใบสั่งยา ตรวจสอบให้แน่ชัดว่ายาที่คนไข้จะได้รับถูกต้อง ไม่แพ้
- หยิบยา ให้ถูกต้อง บางตัวยามีชื่อที่คล้ายกัน หากคนไข้ได้รับผิดไป อาจมีเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงต้องมีควบคุมการจัดระบบการจัดเก็บตัวยาที่เป็นระเบียบ และถูกต้องเสมอ
- จ่ายยา เลยเป็นขั้นตอนเดียวที่เราได้เห็นของหน้าที่เภสัชฯ ของโรงพยาบาล 555 ซึ่งจริงๆ แล้วจะเห็นได้ว่ากว่าจะถึงมือคนไข้ ต้องใช้ความรู้เป็นอย่างมากนะครับ อาจารย์ที่คณะจะสอนเสมอว่า “ความไม่รู้ของพวกคุณ คือความเป็น ความตายของผู้ป่วย” ดังนั้นจึงห้ามผิดพลาดเด็ดขาดเลย
ความไม่รู้ของพวกคุณ คือความเป็น ความตายของผู้ป่วย
สิ่งที่ “พี่รุจ” ประทับใจที่สุด
คือ การที่เห็นน้องๆ ที่มาเข้าร่วมค่ายได้รับอะไรบางอย่างกลับไปซึ่งอาจจะทำให้น้องตัดสินใจว่าจะเรียนเภสัชฯ หรือ ไม่ก็ตาม ซึ่งจุดนี้จะเป็นเหตุผลที่ทำให้จัดค่ายขึ้นมา เพราะค่ายต่างๆ ที่แต่ละคณะจัดขึ้น มันจะเป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้สัมผัส ได้เห็น การเรียนในคณะนั้นๆ เป็นประสบการณ์ที่น้องๆ จะหาไม่ได้จากการเรียนในระดับมัธยม หรือจากที่ไหนๆ
ค่ายที่อาจจะทำให้น้องตัดสินใจว่าจะเรียนเภสัชฯ หรือไม่ก็ตาม
ทำไมถึงตัดสินใจมาเรียนคณะนี้
ถ้าพูดถึงแพชชั่นในตอนเด็ก พี่ชอบบรรยากาศร้านยา กลิ่นสะอาดๆ ของยา เลยอยากเรียนเภสัชฯ 555 บวกกับเราไม่ชอบผ่าตัด ไม่ชอบทำฟัน เลยรู้สึกว่าเภสัชฯ น่าจะใช่ที่สุด ซึ่งหลังจากที่ได้เข้ามาเรียนก็คิดถูกแล้วนะ มันใช่กับพี่จริงๆ
ไฮไลท์ของค่ายนี้เลย
คิดว่าทุกแล็บในค่ายนี้มีจุดเด่นของตัวเองทั้งนั้นเลย มีไทเทรต (การวิเคราะห์หาความเข้มข้นของสารละลาย) หยิบจับสมุนไพร ทำแอลกอฮอล์เจล อย่างแล็บคลินิกน้องๆ จะได้ลองเป็นเภสัชกรสัมภาษณ์คนไข้ ได้หยิบจับยาของจริง ลองคิดดูว่าสุดยอดแค่ไหน
อย่างแล็บคลินิกน้องๆ จะได้ลองเป็นเภสัชกรสัมภาษณ์คนไข้ ได้หยิบจับยาของจริง ลองคิดดูว่าสุดยอดแค่ไหน
เฮดแล็บ รับผิดชอบอะไรบ้าง
เฮดแล็บคลินิกประจำค่ายนี้ครับ ก็จะคอยคิดกิจกรรมในฐานนี้ คุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาว่ามันเหมาะมั้ย จัดหน้าที่ให้กับเพื่อนๆ ในฐาน พอวันจริงก็มีหน้าที่จัดการเวลาให้ทันเวลาครับ
สิ่งที่น้องๆ จะได้รับจากค่ายนี้
พี่ออม : อย่างแรกคือความสนุก ความสุข ความทรงจำดีๆ ที่พี่ๆ ตั้งใจออกแบบกิจกรรมมาให้น้องๆ
พี่รุจ : อย่างที่สอง น้องๆ ที่เข้าร่วมงาน จะได้รับข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเรียนในคณะเภสัชศาสตร์ เพื่อให้น้องตัดสินใจได้ว่าจะเข้าเภสัชฯ หรือไม่ ลดการสอบเข้ามาเภสัชฯ แล้วไม่ชอบ แล้วซิ่วไปคณะอื่น แล้วก็หวังว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ มีกำลังในการเตรียมตัวสอบเข้าด้วยครับ
น้องตัดสินใจได้ว่าจะเข้าเภสัชฯ หรือไม่ ลดการสอบเข้ามาเภสัชฯ แล้วไม่ชอบ แล้วซิ่วไปคณะอื่น
ฝากค่ายกันหน่อย จาก “พี่ออม” และ “พี่รุจ”
พี่ออม: สามารถติดตามข่าวสารของค่ายได้ทางเฟซบุ๊กเพจ Open Capsule และทาง Camphub ได้เลยน้าาา
พี่รุจ : และหากมีคำถามเพิ่มเติมอะไรเกี่ยวกับค่ายสามารถทักมาได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ Faculty of Pharmacy, Mahidol University และฝากติดตามเพจ PSAT Open House – เส้นทางฝันสู่รั้วเขียวมะกอก ของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย (สนภท.) ด้วยครับ เผื่อมีค่าย หรือ Open House เกี่ยวกับเภสัชฯ จะได้ทราบข่าวกัน แล้วเจอกันปีหน้าน้าาา
ฟังพี่ๆ เล่ามาเยอะแล้ว ลองมาถามน้องๆ ค่ายกันบ้าง
ค่าย 1 วัน ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
น้องบัว : ได้ความรู้ใหม่ๆ เช่น วิธีการทำเจลแอลกอฮอล์ วิธีการพูดซักถามประวัติ อาการของผู้ป่วยเมื่อเราเป็นเภสัชกรในร้านขายยา และได้เพื่อนใหม่ๆ ได้มิตรภาพดีๆ ได้รู้จักกับพี่ค่ายมีความเป็นกันเองมากๆ และได้รู้ว่าเราชอบเรียนเภสัชฯ เราอยากเป็นเภสัชกรจริงๆ ไหม
อะไรที่ประทับใจมากที่สุด
น้องน้ำเพชร : แล็บคลินิกค่ะ สนุกมากๆ เราได้ลองสวมบทบาทเป็นเภสัชกรจริงๆ พี่ๆ เขาจะลิสต์คำถามที่ควรถามกับผู้ป่วยมาให้ แล้วก็จะมีพี่ๆ ในค่่ายมาเล่นเป็นผู้ป่วย พี่ๆ คือตลกมาก 555 ทำให้จากที่เราเกร็งๆ ก็ขำพี่เค้าไปด้วย จนลืมความเกร็งไปเลย อีกอย่างนึงที่ได้ทำในแล็บนี้คือ การตรวจสอบยาต่างๆ ก่อนจะนำไปส่งให้ผู้ป่วย
เภสัชกรไม่ใช่แค่การจ่ายยา แต่เราต้องตรวจสอบทุกอย่างก่อนจะนำยานั้นไปให้แก่ผู้ป่วย ทำให้รู้ว่าเภสัชกรมีความสำคัญมากๆ
น้องบัว : ประทับใจพี่ค่ายที่คอยดูแลเราดีมากๆ เป็นกันเอง การแสดงก่อนพิธีปิดและก่อนกลับบ้านที่พี่ค่ายลงมาเต้นมันสนุกมากกกก
ค่ายจบแล้ว คิดว่าจะเลือกเรียนต่อในเส้นทางนี้ไหม
น้องน้ำเพชร : คิดว่าคงเลือกเรียนในเส้นทางนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะใช่สำหรับเราไหม แต่ว่าคงจะเป็นเส้นทางที่เหมาะกับเราแล้วเราก็คงทำมันไปได้ตลอด
น้องบัว : หลังจบค่ายทำให้เรารู้สึกว่าชอบมากขึ้นและสนใจที่จะเรียนต่อในเส้นทางนี้มากขึ้น
การมาค่ายเภสัชฯ ทำให้เราได้เจอตัวเอง เราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
สุดท้ายแล้ว ชวนเพื่อนๆ ม.ปลาย เข้าค่ายเภสัชฯ มหิดล รุ่นต่อไป กันหน่อยจ้า
น้องน้ำเพชร : เราอยากให้น้องๆ เพื่อนๆ ในปีหน้า ใครที่กำลังค้นหาตัวเองหรือยังลังเลใจว่าตัวเองจะเหมาะกับเภสัชฯ ไหม จะเรียนหนักไปหรือเปล่า หรือยังลังเลระหว่างเภสัชศาสตร์กับคณะอื่นๆ การมาค่ายเภสัชฯ อาจจะทำให้เราได้เจอตัวเอง เราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองสมัครกันดูนะคะ
น้องบัว : และถ้าใครอยากได้มิตรภาพจาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีแพชชั่นเหมือนเรา อยากได้ความสนุกและความรู้ ให้มาค่ายนี้ค่ะ จากประสบการณ์จริงที่ได้เข้าค่ายนี้ถึงจะเป็นค่ายแค่วันเดียวแต่สนุกมาก และได้ความรู้เพิ่มเยอะจริงๆ ค่ะ ไว้มาเจอกันนะคะ
จากประสบการณ์จริงที่ได้เข้าค่ายนี้ถึงจะเป็นค่ายแค่วันเดียวแต่สนุกมาก และได้ความรู้เพิ่มเยอะจริงๆ
เป็นยังไงกันบ้างงง ขนาดพี่จั๊มพ์ เป็นแค่คนสัมภาษณ์ยังอยากเข้าค่ายเสียเองเลย แต่เสียดาย อายุเกินแล้ว 555 และดูจากการรีวิวของทั้งพี่ในค่าย และน้องๆ ที่ไปเข้าร่วมมา ดูออกเลยว่าสนุกสนานกันมากแค่ไหน
ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วยังลังเลอยู่ว่า คณะเภสัชศาสตร์ จะเหมาะกับเราไหม พี่จั๊มพ์ก็ขอแนะนำอีกเสียงเลยว่า กดติดตามเฟซบุ๊กเพจ Open Capsule และทาง Camphub ไว้ให้ดี ถ้าปีหน้าเริ่มจัดค่ายเมื่อไหร่ จะรีบมาบอกกันเลยน้าาา สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน พบกันใหม่แคมป์รีวิวอีพีหน้าจ้าาา
ติดตามแคมป์ฮับไม่พลาดทุกข่าวค่าย
เขียนโดย : พี่จั๊มพ์ แคมป์ฮับ
ขอขอบคุณรูปภาพ : MUPY Photo Club