สวัสดีจ้าน้องๆ แคมป์ฮับทุกคน.. จากวิกฤตโรคโควิด-19 ที่นอกจากจะส่งผลในแง่สาธารณสุข การดูแลสุขภาพแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตในสังคมของทุกๆ คนอีกด้วย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จึงได้ประกาศนโยบายเร่งด่วนในการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยวางนโยบายช่วยเหลือทั้งในเรื่องปากท้องและการสร้างอาชีพเพื่อให้มีรายได้เลี้ยงครอบครัว ผ่าน 10 โครงการสิงห์อาสาทั่วประเทศ โดยโครงการที่จัดทำขึ้นช่วยเหลือประชาชนครั้งนี้มีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อความยั่งยืน กำหนดดีเดย์ในต้นเดือนพฤษภาคม โดยเริ่มด้วยโครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ที่ จ.เชียงราย เป็นที่แรก
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่สถานีควบคุมไฟป่าลำน้ำกก ต.ห้วยชมภู อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีพิธีเปิดโครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” รุ่นที่ 1 โดยมี ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย คุณปรีชา ทองคำเอี่ยม ผู้อำนวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า คุณกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 และคุณเพลินพิศ หาญเจริญวนะภูษิต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด ร่วมในพิธีเปิดโครงการ
โดยโครงการ สิงห์อาสาสู้ไฟป่า เป็นการอบรมให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องไฟป่า การป้องกันไฟป่า การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่า แก่ชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้านของ ต.แม่กรณ์ ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า ได้แก่ หมู่บ้านปางกอก หมู่บ้านปางริมกรณ์ หมู่บ้านปางป่าอ้อ หมู่บ้านหนองเขียว และหมู่บ้านปางกลาง ส่วนในช่วงบ่ายเป็นการฝึกปฏิบัติการดับไฟป่า เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชน เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการจัดการปัญหาไฟป่า ทำให้สามารถที่จะดูแลพื้นที่ หมู่บ้าน ชุมชน ของตนเองได้หากเกิดไฟป่าขึ้นและสามารถทำแนวป้องกันไฟป่าได้อย่างถูกวิธี
อีกทั้งโครงการนี้ยังได้ช่วยสร้างรายได้ให้ผู้เข้าร่วมอบรม ผู้ที่เข้ารับการอบรมในโครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่าของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในครั้งนี้เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในแต่ละปี อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยผู้เข้ารับการอบรมทุกคนจะได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 200 บาทต่อวันพร้อมได้รับอาหารแห้งและข้าวตราพันดี เป็นการช่วยบรรเทาปัญหาปากท้องเบื้องต้นอีกด้วย
ว่าที่ร้อยตรีณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้สัมภาษณ์ว่า “ในปีนี้ในพื้นที่เชียงรายเกิดไฟป่าลดลงเหลือ 7,000 กว่าจุด ซึ่งถือว่าลดลงได้เกินร้อยละ 60 แต่อย่างไรก็ตามพบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐานในระดับ 72 ซึ่งถือว่าเกิดจากสภาพอากาศทั้งในพื้นที่ จ.เชียงราย และเกิดหมอกควันข้ามแดนเข้ามาปกคลุมในจังหวัดเชียงราย แต่เราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องโควิด-19 เรามีผู้ป่วยเพียง 9 ราย ส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด และขณะนี้เรารักษาหายทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้โครงการ “สิงห์อาสาสู้ไฟป่า” ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ที่สอดคล้องกัน ตั้งแต่หมอกควันจนถึงโควิด-19 เพราะก่อให้เกิดรายได้ของชาวบ้านขึ้นมา ที่ได้ความรู้เรื่องของการดับไฟป่า อุปกรณ์ดับไฟป่า และมีรายในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทั้งนี้โครงการฯ ยังทำที่หลากหลาย เพราะสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่แท้จริง”
ด้านผู้เข้าร่วมโครงการกล่าวว่า “โครงการในวันนี้มีประโยชน์กับพวกเราเป็นอย่างมาก ทั้งในด้านการให้ความรู้การดับไฟป่า ที่สำคัญชาวบ้านได้รับผลกระทบจากโควิดระบาดทำให้ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ แต่โครงการ สิงห์อาสาสู้ไฟป่า ทำให้พวกเรามีงานและรายได้ที่เพิ่มขึ้นและเป็นรายได้เสริม รวมทั้งผู้พิการก็ยังมีรายได้อีกด้วย เพราะโครงการนี้ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลทั่วไป ทั้งนี้การอบรมครั้งนี้ยังสามารถไปถ่ายทอดต่อคนในหมู่บ้านได้ เป็นประโยชน์ในระยะยาวให้พวกเราได้ดูแลท้องถิ่นของตนเองต่อไป”
สำหรับการอบรม โครงการสิงห์อาสาสู้ไฟป่า ของบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มีการจัดอบรมต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในหลายจังหวัดทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออก โดยผู้เข้ารับการอบรมได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านการอบรมอีกด้วย