ขอเสียงเด็กอยากเข้าถาปัตหน่อยเร้ววววว!! วันนี้พี่จาบอนมาแปลกซักหน่อยนะคะ พอดีว่า ค่ายจบอารมณ์ไม่จบค่ะ ^^ สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ยังไม่นิ่ง เรามานั่งอ่าน แคมป์รีวิว ไปพลางๆ กันก่อนดีกว่าเนอะ!
วันนี้พี่จาบอนจะพาน้องๆ ไปพบกับค่ายสุดแนว ที่มีชื่อว่า Pre-Bee Camp 7 จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังกันบ้างนะคะ หลังจากที่ แคมป์รีวิว ของเรา ไปค่ายคอมพ์ๆ มาหลายรอบแล้ว เอาละค่ะ วันนี้เรามากันตอนเวลาประมาณบ่ายสองโมง แอบย่องเข้ามานั่งเนียนๆ ในหอประชุมที่พี่ๆ น้องๆ กำลังจัดกิจกรรมกันเลยค่ะ
ทันทีที่เราเปิดประตูเข้ามา ก็พบกับเสียงอึกทึก พร้อมกับผ้าหลากสี และพร็อพต่างๆ ที่น้องๆ นำมาแต่งตัวให้กับเพื่อนในกลุ่มอยู่ พร้อมกับเสียงแซวจากพี่ค่ายที่รายล้อมอยู่ สอบถามมาว่า เค้ากำลังจะแสดงละครกัน เพราะว่าวันนี้ คือวันนิเทศค่ะ!
แปลกใจละสิ ว่าทำไมค่ายของคณะสถาปัตย์ถึงแสดงละคร แล้วทำไมถึงเรียกวันนี้ว่าวันนิเทศ เดี๋ยวเรามาพูดคุยกับประธานค่ายนี้กันเลยดีกว่าค่ะ
คุยกับประธานค่าย
พี่จาบอน – สวัสดีค่ะ แนะนำตัวหน่อยนะคะ
พี่หมู – ครับผม สวัสดีครับบ พงศกร ทองประมูล ชื่อเล่นชื่อหมูครับ หัวหน้านักศึกษาชั้นปีที่ 1
พี่จาบอน – ลองเล่าที่มาที่ไป ของค่าย Pre Bee ให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ
พี่หมู – ครับผม ก็ครั้งแรกนี่นะครับ จัดขึ้นโดยพี่ๆ ภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ครับ เพราอยากให้น้องๆ ได้มาเรียนรู้การใช้ชีวิตของเด็ก สถ. ว่าอยู่อย่างไง ทำงานกันยังไง มีวิธีคิดยังไง ต่อมาก็มีการเริ่มขยายจนครอบคลุมทุกภาควิชาแบบทุกวันนี้ครับ
พี่จาบอน – แล้วในค่าย จะได้พบเจอกับอะไรคะ
พี่หมู – ค่ายพรีบีเป็นค่ายที่ให้น้องๆ มาเรียนรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตของชาวคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ลาดกระบัง น้องๆ จะได้พบกับการใช้ชีวิต การทำงานเป็นกลุ่ม ว่าทำกันยังไง แต่ต้องบอกก่อนว่า ค่ายนี้ไม่ค่อยเน้นเรื่องการติวนะครับ เพราะแต่ละภาควิชา ก็มีค่ายติวย่อยๆ ของภาควิชาตัวเองกันอยู่แล้วครับ ซึ่งนี่จะเป็นค่ายที่พักค้างแรม 9 วัน 8 คืนครับผม
พี่จาบอน – โห! 9 วันทำอะไรบ้างคะเนี่ย
พี่หมู – คือว่ามันจะมีทั้งหมด 6 ภาควิชาครับ ก็แต่ละวันก็จะเป็นกิจกรรมของแต่ละสาขาทั้งหมด 6 วัน วันละสาขา ก็มีตั้งแต่ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม สาขาวิชาสถาปัตยกรรมภายใน สาขาวิชาการออกแบบสนเทศสามมิติ สาขาวิชาจิตรกรรม สาขาวิชาศิลปอุตสาหกรรม สาขาวิชานิเทศศิลป์ อย่างวันนี้เป็นวันนิเทศ เป็นสาขาสุดท้ายแล้วครับ พอครบแล้วก็จะพาน้องๆ ไปงานสถาปนิกครับ ซึ่งคืนนี้น้องๆ ต้องทำงานหนึ่งชิ้น เพื่อไปนำเสนอที่งานครับ เนื่องจากน้องๆ ที่มาก็คงมีใครที่สนใจจะเป็นนักออกแบบ ค่ายนี้จะเปิดโอกาสให้น้อง ไปเจอกับเวทีจริงๆ น้องก็จะได้ประสบการณ์มากขึ้น
พี่จาบอน – โห น้องจะได้เอางานปแสดงผลงานที่ IMPACT เลยหรอคะ น่าตื่นเต้นจัง ว่าแต่ มีการคัดน้องย้องไงคะ ค่ายนี้
พี่หมู – ก็จะมีการตั้งคำถามค่ะ ซึ่งคำถามเนี่ยอาจจะดูไร้สาระนะครับ แต่ความจริงแล้วมันสามารถบอกได้ว่าน้องคนนี้ คิดยังไงกับเพื่อน กับคนอื่น อย่างเช่นปีนี้ถามว่า ถ้าน้องเหลืออยู่สองคนสุดท้ายบนโลกกับคนที่เกลียด น้องจะทำยังไง ทีนี้ถ้าตอบมาแบบโรคจิต ฆ่าทิ้ง ก็ดูไม่ค่อยน่าเอามาค่ายเท่าไหร่ หรือบางข้อผมตั้งคำถามแบบกวนตรีนสุดๆ แล้วน้องมันตอบมาโดนนี่คือ เฮ้ย เอ็งเข้ามาค่ายเลยมา
พี่จาบอน – โอเคค่ะ แล้วอยากฝากถึงน้องๆ ที่ยังไม่เคยมาค่ายเลยยังไงดีคะ ในฐานะของคนที่ทำงานค่ายคนหนึ่ง
พี่หมู – ครับผม ก็อยากให้น้องลองใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ดูนะครับ ไม่ต้องเข้าค่ายนี้ก็ได้นะครับ (หัวเราะ) แต่มันมีอย่างอื่นให้เรียนรู้ เช่นถ้าน้องอยากเป็นสถาปนิก ศิลปิน น้องก็ตั้งความฝันและมุ่งไปให้ได้ หาตัวเอง แล้วเป็นในสิ่งที่อยากเป็น หรือถ้าเกิดคิดไม่ออก ก็ลองมาหาประสบการณ์ที่ค่ายนี้ได้เลยนะครับ จะได้เจอกับคนที่เค้ากำลังเรียนอยู่และมีหลายสาขามากมาย น้องอาจจะได้พบตัวเอง หรือทางที่ชอบนะครับ สู้ๆ
สัมภาษณ์พี่บ้านกันบ้าง
เอาละค่ะ! ตอนนี้นะคะ หลังจากสัมภาษณ์พี่ประธานค่ายเสร็จน้องๆ ก็เริ่มแสดงละครกันแล้วค่ะ ฮาบ้างแป้กบ้าง แต่ทุกคนก็มีความสุข และที่สำคัญกว่านั้น คือการทำงานเป็นทีมและความคิดสร้างสรรค์ของน้องๆ เอ๊ะๆ ค่ายนี้มีพี่บ้านที่ใกล้ชิดสนิทสนมน้องอยู่ด้วย มองไปมองมา อุ้ย คุ้นหน้ามาก ดาวสถาปัตย์ปีล่าสุดนี่เอง อย่ากระนั้นเลย เรามาขโมยตัวพี่บ้านมาสัมภาษณ์ตามประเพณี แคมป์รีวิว ของเรากันดีกว่าค่ะ
พี่จาบอน – แนะนำตัวหน่อยค่ะ
พี่ฟาง – สวัสดีค่ะ ชื่อ ฟางค่ะ นัฐฐยา พงศภัคลือชัย เรียนสาขานิเทศศิลป์ ตอนนี้ขึ้นปี 2 แล้วค่ะ ในค่ายนี้ฟางมีหน้าที่เป็นพี่กลุ่มค่ะ
พี่จาบอน – พี่ฟางคะ พี่กลุ่มในค่าย Pre-Bee เนี่ย ต้องทำอะไรบ้างคะ
พี่ฟาง – ดูแลน้อง อยู่กับน้อง ทำกิจกรรมร่วมกับน้อง เหมือนประมาณว่าบรีฟน้องให้น้องพยายามกล้าแสดงออก ให้น้องรู้จักกัน ประมาณนี้ค่ะ ค่ายนี้มีทั้งหมดเก้าวัน วันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วค่ะ
พี่จาบอน – เจ็ดวันทีผ่านมา เป็นยังไงบ้างคะ
พี่ฟาง – แรกๆ ก็ ยังไม่ค่อยสนิทกับน้องเท่าไหร่ค่ะ เพราะน้องยังไม่ค่อยเปิด แต่พอผ่านมาได้ซักประมาณสามวัน เราอยู่กับน้องตลอดเวลา เราก็อยู่กับน้องตลอดเลย รู้สึกแบบว่า พอทำกิจกรรมอย่างนี้ เค้ามีให้นอนที่คณะ แล้วพอดีฟางอยู่หอก็ติดห้อง ทีนี่พอได้มานอนที่คณะรู้สึกไม่อยากกลับหอแล้วเลยค่ะ ตอนเช้าต้องตื่นแต่เช้ามาดูน้องเต้นแอโรบิค พาน้องไปกินข้าว แล้วมีวันนึงที่อยู่ๆ เราดันตื่นสาย แล้วไม่มีพี่กลุ่มคนไหนตื่นมาทันเลย น้องเคว้งสิคะ! เพื่อนก็โทรตาม พอมาถึง น้องก็บ่น งอน ว่าแบบ พี่สายยยยยย ทิ้งหนู ความรู้สึกตอนนั้นนะคะคือแบบเราไม่อยากจากน้องไปเลย ทำให้รู้สึกว่า น้องเล่นเราก็อยากเล่น น้องนอนเราก็อยากนอนกับน้องค่ะ มันคือความผูกพัมากกว่าความรับผิดชอบ
พี่จาบอน – มีเหตุการณ์อะไรพิเศษที่อยากมาแบ่งปันให้เราฟังบ้างมั้ยคะ
พี่ฟาง – มีเรื่องที่มาสายที่น้องบ่นนั่นและค่ะ ที่รู้สึกว่าเราต้องแอคทีฟตัวเองมากกว่านี้ เพราะน้องเค้ายังตื่นเช้าเลย แล้วเราตื่นสายค่ะ แล้วก็มีอีกเรื่องตอนเราทำกิจกรรม ตอนนั้นเค้าให้วิ่งเปรี้ยว ซึ่งวันนั้นเป็นวันวิจิตศิลป์ แล้วมีเด็กคนนึงวิ่งแล้วล้ม แล้วเค้าก็โอดโอย กำตรงนั้นน่ะค่ะ พี่เข้ามาชาร์จ ตกใจ แล้วก็ถามว่าเป็นอะไร น้องเค้าก็บอก “โดนปาไข่ครับ” แล้วน้องเค้าก็นั่งจุกอยู่ตรงนั้นแหล่ะค่ะ แล้วทุกคนก็ฮา ตลกดีอะค่ะ (หัวเราะ)
พี่จาบอน – แล้วคิดว่าการมาค่ายนี้ พี่ฟางได้อะไรคะ
พี่ฟาง – ก็ได้มารับรู้ความรู้สึกที่แบบว่า ก่อนที่เราจะเข้ามหาลัยนะ เรารู้สึกอย่างนั้น แล้วพอน้องที่เค้ามาตอนนี้ เค้าก็เป็นเหมือนเราตอนนั้นเลยค่ะ เหมือนเป็นภาพสะท้อน ที่เรายืนคนละจุดกันแล้ว ที่เราผ่านมาแล้ว แล้วมายืนดูน้องเค้าที่กำลังจะก้าวเข้ามา อีกย่างคือได้เพื่อนเพิ่ม เพื่อนต่างภาคที่เราไม่รู้จัก พอได้มาทำงานร่วมกันเราก็ได้รู้จักกัน ถ้าไม่ได้มาทำก็คงไม่ได้รู้จัก ได้รู้จักเพื่อนมากขึ้นจริงๆ นะคะ
พี่จาบอน – แล้วพี่ฟาง อยากบอกอะไรน้องๆ ที่ยังไม่เคยมาค่ายนี้คะ
พี่ฟาง – ก็อยากชวนน้องๆ มาค่ะ มากกกกกก ไม่มีอะไรเสียหายเลย มาก็มีแต่ประสบการณ์ ถ้าอยากมาสัมผัสบรรยากาศที่นี่ เชื่อว่าทุกคนก็อยากอยู่เหมือนกันหมดเลย และอีกอย่างการออกค่ายหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน “มันดี” มันดีตรงที่ว่าเราได้ฝึกการกล้าแสดงออก เด็กๆ ที่มาค่ายนี้แรกๆ ก็ไม่กล้าเสนอไม่กล้าอะไร แล้วแบบ อยู่ๆไป โดนพี่บรีฟ โดนเพื่อนบรีฟ เค้าก็กล้าแสดงออกมากขึ้น แล้วรู้มั๊ยคะ สิ่งเหล่านี้เนี่ย มันจะติดตัวเราไปค่ะ
น้องๆ รู้สึกอย่างไรกันบ้าง
พี่จาบอน – แนะนำตัวหน่อยค่ะ
น้องฟอร์ด – สวัสดีครับ! ฟอร์ดครับ นาย สุรศักดิ์ กาญจนกันติกะ ศึกษาอยู่โรงเรียน สารสาสน์วิเทศรังสิต จังหวัดปทุมธานี ขึ้น ม.5 ครับ
น้องสาธร – สาธร เล้าประเสริฐ ชื่อเล่นก็สาธรครับ มาจากโรงเรียนเบญจม ราชบุรี กำลังขึ้น ม.5 ครับผม
พี่จาบอน – น้องฟอร์ด น้องสาธร รู้จักค่ายนี้ได้ไงคะ
น้องฟอร์ด – รู้จักมาจากครูที่โรงเรียนแนะแนวครับ แล้วก็มีรุ่นพี่ที่เคยมาเข้าค่ายครั้งทีแล้วเค้าโทรมาบอกว่า มีค่ายนะ แล้วก้ติดต่อทางอินเตอร์เน็ท
น้องสาธร – พี่ผมเรียนโท อยู่ที่ วจ.(วิจิตรศิลป์) ครับ ผมก็เลยซึมซับมา ก็เลยชอบ แล้วพี่เค้าก็เลยแนะนำให้มาลองสมัครดูครับ
พี่จาบอน – น้องฟอร์ด ทำไมถึงเลือกเข้าค่าย ค่ายนี้คะ
น้องฟอร์ด – เพราะสนใจในคณะ สถ ครับ อยากเข้ามาเรียน แล้วก็ไม่เคยเข้าค่ายระดับมหาลัยเลยครับ ครั้งนี้ครั้งแรก
พี่จาบอน – ตอนรู้ตัวว่าติดเป็นยังไงบ้างคะ? เตรียมตัวอะไรกันยังไงเอ่ย?
น้องฟอร์ด – ตอนรู้ตัวว่าติด ดีใจมากครับ ในที่สุดก็ได้มาค่ายแล้ว ได้มาเจอพี่ที่รุ้จักด้วย มาเก็บเกี่ยวความร็ประสบการณ์ เพราะผมก็รู้มาคร่าวๆ ว่า จะได้มาลองฝึกทำงานจริงๆ เห็นบอกอยู่บนเพจเฟซบุ๊ค แล้วก่อนสมัครผมก็บอกแม่ไว้ก่อนแล้ว ถ้าผมติดแม่ก็ให้ แล้วพอผมติดก็เตรียมของ เตรียมเสื้อผ้าของใช้ ซึ่งบนเพจนี่ พี่เค้าจะบอกละเอียดเลยว่า ควรเอาอะไรมาบ้าง ผมก็ทำตามนั้น ง่ายมากเลยครับ
น้องสาธร – ดีใจครับ ก็แค่นี้ครับ (แหะแหะ )
พี่จาบอน – มาค่ายทำอะไรบ้าง
น้องสาธร – ที่ผ่านมาก็ได้ทำโต๊ะจากลัง ทำธงของกลุ่มตัวเองครับ แล้วก็มีแสดงละครด้วยครับ
น้องฟอร์ด – ทำกิจกรรมหลายอย่าง เช่นดีไซน์เสื้อผ้า มีการแนะนำว่าภาคที่จะเรียนนี้ มีการศึกษายังไง ถ้าจบไปมีงานทำอะไร แนะนำให้เข้ากับความเป็สนตัวเราที่สุดครับ แล้วก็ได้ทำกิจกรรมสานสัมพันธ์ด้วยกัน เช่น การเล่นเกมด้วยกัน ย้ายกลุ่มไปเรื่อยๆ กลุ่มมี 20 กลุ่ม เค้าให้เราสลับกันจนรู้จักเพื่อนทุกคนครับ เราได้นอนห้องเดียวกัน คือตั้งแต่เช้าเราได้เจอหน้ากัน นอนเรานอนพร้อมกัน กินเราก็กินพร้อกัน แม้แต่รวมแถว ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งเค้าก็วอเรียกมาตาม เรียกได้ว่า หายไปไหนไม่ได้เลย แม้แต่ลงชั้นเดียวเค้าก็ไม่ให้ครับ พี่ๆดูแลดีมาก
พี่จาบอน – แล้วอย่างนี้ รู้สึกไงกับพี่ๆ บ้างคะ
น้องฟอร์ด – พี่ทุ่มเทครับ จริงๆ เราก็พึ่งรู้จักกันในค่ายนะ แต่พี่เตรียมพร้อมที่จะดูแลเรา ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักกันมาก่อนเลยอะครับ พี่เค้าเตรียมทุกอย่างมาเพื่อนเรา เราก็รู้สึกว่าพี่เค้าทำเพื่อเราทั้งนั้น เค้าอาจจะทำเพื่อส่งต่อรุ่นต่อรุ่น อะไรประมาณนั้นครับ ประทับใจมากครับ
น้องสาธร – ก็รู้สึกพี่ในค่ายดูแลดอะ เอาใจใส่น้องที่มาค่ายอะ แล้วก็ให้ความรู้ในแต่ละภาคดีครับ พี่เขาจะมีแบบว่า พี่เนียน หลอกน้องในค่าย แล้วก็เฉลยไปเรื่อยๆ ไม่ได้เฉลยทีเดียวนะครับ ก็สนุกดี
พี่จาบอน – แล้วมีเหตุการณ์ประทับใจอะไรที่อยากเล่าให้ฟังมั้ยคะ
น้องฟอร์ด – ผมมีครับๆ ผมมีเรื่องของคนพี่ที่ค่ายคนนึงเค้าทำให้ผมนึกถึงเค้าตลอด เค้าเป็นพี่กลุ่มผมครับ มีอยู่วันนึงกลุ่มเราต้องไปทำสเค้าเจอร์(ประติมากรรม) กันชั้น 5 ซึ่งพี่ๆสตาฟเค้าไม่ให้ใครนอนจนกว่าจะเสร็จ ทำไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สองทุ่มยันตีสี่ ก็เริ่มเสร็จแล้ว ณ ตอนนั้นผมง่วงมากเลยเผลอหลับไป 10 นาที พอตื่นขึ้นมาผมก็งัวเงียๆ มึนเดินไปเข้าห้องนอนแบบไม่สนอะไรเลยจำอะไรไม่ได้เลยมุงหน้าเดินไปเข้าห้องนอนที่ชั้น 3 อย่างเดียวจนลืมของ คือกระเป๋าเขียนแบบข้างในมีของมีค่าอยู่ด้วย กับรองเท้าเตะที่ชื่อมาใหม่ๆ พอตื่นเช้ามาผมคิดว่าหายแน่ๆ(วันนี้เป็นวันสุดท้าย) ปรากฎว่าเจอกระเป๋าเขียนแบบว่างอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อผ้าผมอย่างเรียบร้อย และไม่มีอะไรหายไปเลย แต่ผมก็ยังหารองเท้าผมไม่เจอ พี่คนนี้เค้าก็มาช่วยหาแต่ก็หาไม่เจอ พอถึงเวลาทำกิจกรรมผมก็ตัดสินใจ เดินเท้าเปล่าลงไปข้างล่าง ผมกำลังนั่งฟังสตาฟอยู่ ปรากฎว่าพี่คนนี้เค้าเดินมาพร้อมกับร้องเท่าคู่นึง ซึ่งมันไม่ใช่ของผมและมันก็ไม่ใหม่มาก แต่เค้าบอกให้ใส่ไปก่อนผมก็เลยนำมาใส่เดินไปไหนมาไหน พอถึงกิจกรรมต่อไปผมก็เดินไปเจอพี่คนนี้ ผมมองเค้า ผมพบว่าพี่คนนี้เค้าไม่ได้ใส่รองเท้า เดินเท้าเปล่าเลย ซึ่งทุกๆ คนเค้ามีรองเท้ากันหมดรวมทั้งผม ณ ตอนนั้นผมรู้สึกผิด ผมเดินเข้าไปหาเค้าพร้อมกับยื่นรองเท้าคืน พี่เค้าปฎิเสธแล้วพูดกับผมมาประโยคนึงว่า “เราไม่เอาเราชินแล้ว 555 น้องใส่ไปก่อน” ตอนนั้นในใจผมตื้นตันมาก และอยากขอบคุณพี่เค้าที่ทำเพื่อผมตลอด 9 วัน พี่คนนี้เค้าทำให้ผมคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาว่า “ให้แล้วไม่หวังผลตอบแทน” คือพี่เค้าครับ ชื่อพี่โมสครับอยู่ คณะสถาปัตยกรรม ภาควิชาสถาปัตยกรรมภานใน เป็นผู้หญิงครับ (เสียดายไม่มีรูปพี่เค้าให้ดูเนอะ เรื่องน่ารักมากค่ะ – พี่จาบอน)
พี่จาบอน – สุดท้ายแล้วนะคะ อยากให้ลองแนะนำหน่อยสิครับ กับคนที่ยังไม่เคยมาค่ายนี้
น้องฟอร์ด – อยากให้เค้าศึกษาแล้วก็ตามพวกค่ายแบบนี้ครับ เพราะสิ่งที่เราคิดมันคือโลกของเรา อยากให้พบกับความเป็นจริงว่าโลกที่เราคิดมันเป็นไง แบบบางทีเราไม่รู้จริง แล้วเราก็หลอกตัวเองไป อนาคตมันก็จะไม่สำเร็จ ต้องมาพิสูจน์ด้วยตนเองครับ
น้องสาธร – ก็อยากให้มาลองดูครับ ว่าแต่ละคณะเรียนยัไง จะได้รู้ว่าตัวเองชอบในภาคไหน คณะนั้นมั้ย ชอบจริงมั้ย เพราะถ้าเรารู้ว่าเค้าเรียนยังไง เราก็จะได้รู้ว่าเราชอบมั้ยครับ แล้วก็ถึงแม้สุดๆ เลยว่ามาค่ายนี้แล้วไม่ชอบ ไม่ใช่ทางของตัวเอง แต่อย่างน้อยก็จะมีมิตรภาพที่ได้กลับไปแน่นอนครับ
เก็บตด เอ๊ย! เก็บตก
แต่เดี๋ยวก่อนนนนนนนนนนนนนน หลังจากที่พี่จาบอนไปสัมภาษณ์นั้น (ก่อนไปค่าย JWC) ก็มีการติดตามค่ายนี้ด้วยนะคะ ว่าหลังจากไปเวทีงานสถาปนิกแล้วเป็นยังไงบ้าง น้องฟอร์ดก็มีอัพเดทมาให้เราฟังเพิ่มเติม นิดๆ หน่อยๆ ด้วยค่ะ
น้องฟอร์ด – บรรยากาศวันนั้นก็ ทุกคนทุกกลุ่มตื่นเต้นครับ ไม่ได้นอนมา 1 คืนเต็ม พอเช้าพี่เค้าก็เรียกรวมกินข้าวอาบน้ำใส่ชุดนักเรียน นั่งรถบัสไป IMPACT เมืองทองธานี พอไปถึงนะครับ พี่เค้าก็แจกข้าวเหนียวกับไก่ให้กินอีก ถึงกับอิ่มกันเลย แล้วก็เข้าไปที่ที่เค้าให้พรีเซนท์อ่ะครับ มีกรรมการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ มากกมาย แล้วเค้าก็สุ่มเลือกมา 1 กลุ่ม แล้วพอกลุ่มนั้นพรีเซนส์เสร็จ เค้าก็ให้กลุ่มที่รีเซนส์เสร็จเลือกกลุ่มต่อไปครับ พอรีเซนส์ครบทุกกลุ่มแล้ว เค้าก็จะให้พี่กลุ่มพาไปดูงานสถาปนิกในนั้นอ่ะครับแล้วพี่เค้าก็แนะนำน้องๆ พอถึงเวลาก็ขึ้นรถบัส กลับมา ม. ครับ แล้วเค้าก็ปล่อยไปอาบน้ำอีกที แล้วก็มาทำกิจกรรมลาจากคืนสุดท้ายครับ
เป็นไงบ้างคะ หลังจากที่ได้รับฟังบทสัมภาษณ์น้องๆ พี่ๆ ค่ายนี้แล้ว ชักจะสนใจแล้วมั้ยคะ ยังไงรอฟังขาวปีหน้า หากเปิดรับสมัคร ใครสนใจก้สมัครเลยนะคะ สำหรับ EP นี้ พี่จาบอนก็อยากจะบอกแบบพี่ฟางแหละค่ะ ออกมานอกบ้าน ออกมานอกห้อง ออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ แล้วออกมาใช้ร่างกาย ความคิด สมอง รับรองสิ่งพวกนี้จะติดตัวน้องไปนะคะ สำหรับแคมป์รีวิวในตอนนี้ก็คงจบลงเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ตอนหน้า เราจะพาไปค่ายอะไรอย่าลืมติดตามกันได้ที่เว็บไซต์แคมป์ฮับแห่งนี้จ้าาา บ๊ายบายยย