“ ฉันไม่เก่งพอที่จะอยู่ตรงนี้ บางที..ฉันอาจจะแค่โชคดี เพราะมีคนอีกมากมายที่เก่งกว่าฉัน ”
ต้องมีสักครั้งที่เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงไม่เก่งอะไรเลย เรื่องเรียนก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่ที่สอบได้คะแนนดีก็เพราะว่าเดาคำตอบถูกต่างหาก ไม่ใช่เพราะว่าเข้าใจเนื้อหานั้นจริงๆ แม้แต่ตอนอยู่ในห้องเรียนก็ไม่กล้ายกมือถามเวลาที่ไม่เข้าใจ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งเพื่อนจะรู้ว่าเราไม่ได้เก่งอย่างที่เห็น เรามันไม่เก่งเอาเสียเลย หรือว่าเรากำลังเป็น “Imposter Syndrome”
“แล้ว…Impostor Syndrome มันเป็นยังไงกันนะ?”
ความรู้สึกที่ว่าเราไม่ได้เก่งอย่างที่คนอื่นคิด ไม่เก่งพอที่จะได้รับความสำเร็จนี้เลย น่าจะเป็นเพราะโชคดีซะมากกว่า บางทีก็รู้สึกอึดอัดใจ ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวคนอื่นจะรู้ว่าไม่เก่งจริง และความรู้สึกนี้คงไม่มีใครเป็นแบบเราหรอก… แต่ถ้ามองอีกแง่มุมหนึ่ง เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิด ไม่น่ามีแค่เราเพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้นะ
“มีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่าฉันตั้งเยอะ”
เพราะอะไรที่ทำให้เราคิดแบบนี้ เพราะเรามีนิสัยรักความสมบูรณ์แบบรึเปล่า? มีนิสัยขี้กังวลเกินไปไหม? หรือเพราะสภาพแวดล้อมรอบตัวเต็มไปด้วยการแข่งขัน จากการถูกครอบครัวกดดันและคาดหวังให้ประสบความสำเร็จ อย่างการสอบคัดเลือกเข้าเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยก็ต่างก็ทำให้เราต้องกดดันตัวเองทั้งนั้น
“จมอยู่กับมันมากไปก็ใช่ว่าจะดี”
มันก็ดีที่บางครั้งเราจะสงสัยในความสามารถของตัวเอง เพราะเราจะได้ทบทวนและแก้ไขให้มันดีขึ้นนะ แต่อะไรที่มีมากเกินไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ อาการนี้ก็เหมือนกัน ถ้ามีมากไปสุขภาพจิตเราก็จะเสีย กลายเป็นโรควิตกกังวล หรือ โรคซึมเศร้าได้ ฟังดูแย่ใช่ไหมล่ะ
“ถ้าอยากจะจัดการมันต้องทำยังไง”
จุดเริ่มต้นที่ดีอาจจะมาจากการยอมรับว่าเรากำลังเป็น Impostor Syndrome และเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตัวเอง ไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์ที่โหดร้ายกับเราแค่ไหน ก็ไม่มีใครลดทอนคุณค่าเราได้เท่ากับตัวเราเองหรอกนะ อยากให้ลองฝึกพูดสิ่งดีๆ กับตัวเอง (Positive Self-talk) และชื่นชมกับความสำเร็จเล็กๆ ของตัวเองบ้าง เพราะมันช่วยให้เรามั่นใจและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
บางครั้งชีวิตก็ต้องพบเจอกับความผิดหวัง ข้อผิดพลาดที่เกิดไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนหลอกลวง เราไม่จำเป็นจะต้องเก่งตลอดเวลา อย่าปล่อยให้ความกลัวมากำหนดตัวตนว่าเราควรหรือไม่ควรทำอะไร ขอให้ยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและบอกกับตัวเองเสมอว่า “เราทำได้”
ถ้าน้องๆ คนไหนอยากเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ค้นหาตัวเองเพิ่มเติม สามารถพูดคุย สอบถามทีมงาน Learn O Life ได้เลย เรามีทีมงานนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์ ที่ต่างมีเป้าหมายอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักค้นหาตัวเอง และสามารถพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ออกแบบเองได้ ไม่ใช่การเดินตามรอยเท้าของใคร
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับ CAMPHUB check me with Learn O Life อีพีนี้ ถ้าชอบ ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มาเช็กจิตใจตัวเองไปด้วยกันเยอะๆ น้าาา และน้องๆ ยังสามารถอ่านบทความเพื่อเช็คสภาพจิตใจของตัวเองอีก ได้ที่นี่ แล้วถ้าจิตใจเราพร้อมแล้ว ก็พร้อมที่จะไปหาค่าย หากิจกรรมเข้าเพื่อค้นหาตัวเองกัน หาค่าย กิจกรรม โอเพนเฮ้าส์ ได้ง่ายๆ ที่ CAMPHUB.in.th ได้เลยจ้า สำหรับวันนี้ พี่ๆ CAMPHUB และ Learn O Life ต้องไปก่อน แล้วเจอกันในอีพีหน้าจ้า
เขียนโดย : พี่ๆ ทีมงาน Learn O Life
เรียบเรียงโดย : พี่ออฟ CAMPHUB
รูปภาพประกอบ : พี่ออม CAMPHUB
