เพราะเราไม่อยากดูขี้เกียจในสายตาใคร เราเลยต้องทำอะไรตลอดเวลา เราทุกคนมักมีภาพในหัวว่า การทำอะไรเยอะๆ มีคุณค่ามากกว่าการอยู่เฉยๆ อาจเป็นเพราะสังคมปัจจุบันให้คุณค่ากับคนที่ “Productive” หรือเปล่านะ ?
เรากลายเป็นคนที่ต้องใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอนไปกับเรื่องมีประโยชน์ เราต้องเรียน ต้องทำงาน หากมีเวลาว่างก็ต้องอ่านหนังสือ เรียนออนไลน์ พัฒนาทักษะอีก เรามัวแต่สร้างความ Productive ให้ตัวเอง จน 24 ชั่วโมงของเราแทบจะไม่ได้พัก ไม่ได้ใช้ชีวิตชิว ๆ ไม่มีเวลาให้ตัวเองซะอย่างนั้น
“เพราะการพัก ทำให้เราดูเป็นคนขี้เกียจ”
แนวคิดแบบนี้เราเรียกว่า Laziness Lie มันสอนให้เราโกหกตัวเองว่าต้องขยัน ห้ามพัก ห้ามชิว เหนื่อยก็ทำต่อไป เพื่อไม่ให้ดูแย่ ดูขี้เกียจ หรือรู้สึกผิดต่อตัวเองที่ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ จึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้เราต่างเรียน ทำงาน หรือใช้ชีวิตให้ดูยุ่งๆ เข้าไว้ เพราะเราไม่อยากรู้สึกผิดเวลาที่เราว่าง จนกลายเป็นว่าเราไม่มีเวลาพักผ่อน ไม่มีเวลาให้ตัวเอง เอาแต่หาเรื่องให้ตัวเองดูยุ่งอยู่ทุกวี่ทุกวัน
เราถูกสอนให้มองว่าความขี้เกียจคือตัวร้าย ความขยันสิดี ยิ่งยุ่ง ยิ่งไม่มีเวลายิ่งดูเป็นคนที่มีคุณค่า แต่ความขยันที่พอดีมันไม่น่าจะเกิดมาจากการหลอกตัวเองว่าต้องขยันให้มากๆ หรือเปล่านะ ? และมันก็ไม่ควรจะมาจากการหลอกตัวเองว่า “เราไม่เหนื่อย เราทำได้ เรายังไหว” ทั้งที่ความจริงแล้วเราอยากจะทิ้งทุกอย่าง เพราะมันเลยคำว่าไหวมานานแล้วก็ตาม ความขยันที่พอดีมันควรมาจากการเข้าใจว่าต้องขยันตอนไหน และพักตอนไหนมากกว่า
ถ้าวันนึงเราพยายามทำทุกอย่าง แบกรับทุกอย่าง จนเรารู้สึกไม่ไหว เราก็ไม่ควรจะหลอกตัวเอง และบอกทุกคนว่า “เราไหว” เราไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาใครตลอดเวลา วันไหนที่เราเหนื่อย เราก็พัก วันไหนที่เราอยากอยู่เฉยๆ เราก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกว่าคนอื่นจะมองว่าขี้เกียจหรือเปล่า คนอื่นไม่ได้รู้ทุกเรื่องว่าเราทำอะไรมาบ้าง ถ้าการเห็นภาพเรานั่งพัก หรืออยู่เฉยๆ จะทำให้เขาคิดว่าเราไม่เอาไหน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปนั่งอธิบาย ปล่อยให้เขาตัดสินเราไปตามที่เขาต้องการได้เลย
ที่สำคัญ เราไม่ควรรู้สึกผิด หรือรู้สึกแย่กับตัวเองเวลาที่อยากจะอยู่เฉยๆ เราควรเข้าใจว่า การอยู่เฉยๆ ไม่ใช่การปล่อยเวลาทิ้งไปวันวัน มันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของเราเหมือนกัน เวลาที่เราอยากพัก เรารู้สึกว่าอยากขี้เกียจ นั่นเป็นเพราะร่างกายหรือจิตใจเราส่งสัญญาณเตือนแล้ว ว่าพักเถอะ ถึงเวลานั้นก็ทำตามที่ตัวเองเรียกร้องเถอะ อย่าปฏิเสธเลย
การพักเล่นโซเชียล ดูซีรีส์ อ่านการ์ตูน นอนเฉย ๆ หรือทำเรื่องไร้สาระบ้าง มันไม่ใช่การเสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์เลยนะ มันถือเป็นช่วงเวลาที่ให้เราได้พักสมอง พักร่างกายจากความเหนื่อยล้าทั้งวัน เหมือนเป็นช่วงที่ให้เราได้ชาร์จแบต เติมพลัง ต่างหาก ถ้าเริ่มเหนื่อยก็อย่าโกหกตัวเองด้วยประโยคว่า “ทำต่อไปเถอะ เรายังไหว” ทั้ง ๆ ที่มันไม่ไหว หรือคิดว่าการที่เรายอมขี้เกียจแบบที่ใจอยากมันคือสิ่งผิด อย่าหลอกตัวเองให้อดทนต่อไปจนถึงวันที่ใจพังเลยนะ
ถ้าน้องๆ คนไหนอยากเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ค้นหาตัวเองเพิ่มเติม สามารถพูดคุย สอบถามทีมงาน Learn O Life ได้เลย เรามีทีมงานนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์ ที่ต่างมีเป้าหมายอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักค้นหาตัวเอง และสามารถพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ออกแบบเองได้ ไม่ใช่การเดินตามรอยเท้าของใคร
Facebook Learn O Life LINE @learnolife Website Learn O Life
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับ CAMPHUB check me with Learn O Life อีพีนี้ ถ้าชอบ ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มาเช็กจิตใจตัวเองไปด้วยกันเยอะๆ น้าาา และน้องๆ ยังสามารถอ่านบทความเพื่อเช็คสภาพจิตใจของตัวเองอีก ได้ที่นี่ แล้วถ้าจิตใจเราพร้อมแล้ว ก็พร้อมที่จะไปหาค่าย หากิจกรรมเข้าเพื่อค้นหาตัวเองกัน หาค่าย กิจกรรม โอเพนเฮ้าส์ ได้ง่ายๆ ที่ CAMPHUB.in.th ได้เลยจ้า สำหรับวันนี้ พี่ๆ CAMPHUB และ Learn O Life ต้องไปก่อน แล้วเจอกันในอีพีหน้าจ้า
เขียนโดย : พี่ๆ ทีมงาน Learn O Life
เรียบเรียงโดย : พี่หนูดี CAMPHUB
รูปภาพประกอบ : พี่เต้ย CAMPHUB