“ขี้เกียจ เดี๋ยวค่อยทำ”
“เอาไว้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำละกัน”
ความขี้เกียจ กลายเป็นปัญหาหลักที่ทำให้เราไม่ได้เริ่มทำอะไรที่ควรทำสักที
ไม่ว่าจะเริ่มอ่านหนังสือ ทำการบ้าน ทำโปรเจค ออกกำลังกาย หรือแม้แต่การพัฒนาตัวเองในเรื่องต่าง ๆ ก็รู้แหละว่าควรทำ และไม่ใช่ว่าเราจะไม่ทำมันสักหน่อย แค่เรายังไม่อยากทำมันในตอนนี้เฉย ๆ นี่นา
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เวลาเราจะทำอะไรสักอย่าง เราเริ่มบอกตัวเองด้วยประโยคอนาคตหมดเลย “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะออกกำลังกาย” “เดี๋ยวจะอ่านหนังสือ” ไม่ว่าเราคิดจะทำอะไร แต่ทุกอย่างของเรามีแต่คำว่า “เดี๋ยว” หมดเลย มันก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกนะ แต่การพูดบ่อย ๆ มันอาจสร้างความเคยชินให้เราผัดวันไปเรื่อย ๆ ไม่ยอมเริ่มทำมันจริง ๆ สักทีน่ะสิ
หลาย ๆ ครั้งที่ประโยคที่เราพูดเหล่านั้น มันก็มักจะจบลงด้วยการที่เราไม่ได้เริ่มทำอะไรสักอย่าง ปล่อยเวลาไปจนหมดวัน หรือแม้กระทั่งหมดปี สุดท้ายเราก็ยังเป็นคนเดิมที่ไม่เคยทำตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ปีก่อนสำเร็จสักที เพราะเราชอบหวังให้ตัวเราในวันพรุ่งนี้เป็นคนทำมันแทน หรือถ้าดีหน่อย บางอย่างเราก็อาจจะได้เริ่มทำไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละ เริ่มได้วันสองวัน แล้วก็เลิกทำไปซะอย่างนั้น เพราะเราขี้เกียจทำมันต่อ
ถ้าเรามีปัญหาพ่ายแพ้ต่อคำว่า “ขี้เกียจ” และคำว่า “เดี๋ยวค่อย” แบบนี้ซ้ำ ๆ อาจต้องลองหาหนทางใหม่ ๆ ในการเอาชนะความขี้เกียจของตัวเองดู มันมีเทคนิคอย่างหนึ่ง ชื่อว่า 2-minute rule หรือ กฎสองนาที เป็นเทคนิคที่จะช่วยเปลี่ยนนิสัย และให้เราเลิกผัดวันประกันพรุ่งได้ กฎนี้แสนง่าย เพราะเขาบอกว่า การเริ่มนิสัยใหม่ ไม่ต้องใช้เวลาเกิน 2 นาทีต่อวัน
ย่อยเป้าหมาย ให้เล็กจนรู้สึกว่าทำได้
อันดับแรก คือ เราต้องตั้งเป้าสิ่งที่เราอยากทำให้มันดูง่ายขึ้น เช่น แทนที่เราจะตั้งเป้าว่าจะออกกำลังกายจนมีซิกแพค ลดน้ำหนักให้ได้ 10 กิโลกรัม อาจลองเปลี่ยนเป็น เราจะซิทอัพวันละ 20 ที หรือกระโดดเชือกวันละ 50 ครั้งแทน หรือถ้าเป็นเป้าหมายเกี่ยวกับการเรียน แทนที่จะตั้งเป้าว่าเราจะอ่านหนังสือก่อนนอนทุกวัน วันละสองสามชั่วโมง ก็เปลี่ยนมาเป็น ฉันจะอ่านหนังสือก่อนนอนวันละ 3 หน้า
เพราะพอสิ่งที่เราอยากทำมันถูกซอยให้เล็กลง มันจะดูง่าย และเป็นไปได้มากขึ้น เพราะในแต่ละวันเราไม่ต้องใช้เวลาหรือความพยายามเยอะในการทำให้เป้าหมายสำเร็จ และพอเรามีกำลังใจในการทำให้ถึงเป้าแต่ละวันได้ เราก็จะทำมันได้เรื่อย ๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือทรมาน หรือต้องใช้ความพยายามมากจนรู้สึกเหนื่อยและขี้เกียจ และสุดท้าย เราจะสามารถมันทุกวันจนเคยชิน และกลายมาเป็นนิสัย หรือกิจวัตรของเราได้ในที่สุด
หลังจากนั้น เราค่อย ๆ ขยายขอบเขต เพิ่มความท้าทายของการทำสิ่งนั้นให้มันเข้มข้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ลองขยับไปเรื่อย สร้างนิสัยไปทีละนิด เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก 0 ไปถึง 100 ได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาหรอกนะ ไม่งั้นมันก็คงเป็น 100 ที่อยู่ได้แค่หนึ่งวันแล้วก็กลับมาเป็น 0 เหมือนเคยนั่นแหละ
ลองเปลี่ยนนิสัยจากการทำอะไรสักอย่าง แค่สองนาทีสั้น ๆ ต่อวัน ก็อาจช่วยให้เราเปลี่ยนนิสัยที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง หรือนิสัยติดพูดคำว่า “เดี๋ยว” จนเคยชินไปได้นะ รู้อย่างนี้แล้วลองทำดูสักหน่อยก็ไม่มีอะไรเสียหาย ลองเริ่มจากเป้าหมายในปีนี้ที่เขียนไว้และไม่ได้ทำสักทีดูก็ได้ บางทีก่อนหมดปีนี้ เราอาจจะสามารถทำมันสำเร็จจริง ๆ ก็ได้
ถ้าน้องๆ คนไหนอยากเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ค้นหาตัวเองเพิ่มเติม สามารถพูดคุย สอบถามทีมงาน Learn O Life ได้เลย เรามีทีมงานนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่นที่มีประสบการณ์ ที่ต่างมีเป้าหมายอยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักค้นหาตัวเอง และสามารถพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จที่ออกแบบเองได้ ไม่ใช่การเดินตามรอยเท้าของใคร
Facebook Learn O Life LINE @learnolife Website Learn O Life
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับ CAMPHUB check me with Learn O Life อีพีนี้ ถ้าชอบ ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มาเช็กจิตใจตัวเองไปด้วยกันเยอะๆ น้าาา และน้องๆ ยังสามารถอ่านบทความเพื่อเช็คสภาพจิตใจของตัวเองอีก ได้ที่นี่ แล้วถ้าจิตใจเราพร้อมแล้ว ก็พร้อมที่จะไปหาค่าย หากิจกรรมเข้าเพื่อค้นหาตัวเองกัน หาค่าย กิจกรรม โอเพนเฮ้าส์ ได้ง่ายๆ ที่ CAMPHUB.in.th ได้เลยจ้า สำหรับวันนี้ พี่ๆ CAMPHUB และ Learn O Life ต้องไปก่อน แล้วเจอกันในอีพีหน้าจ้า
เขียนโดย : พี่ๆ ทีมงาน Learn O Life
เรียบเรียงโดย : พี่นะนิว CAMPHUB
รูปภาพประกอบ : พี่เต้ย CAMPHUB