คนรอบข้างมักบอกเราเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ว่าทำไมไม่ทำแบบนั้นล่ะ ทำแบบนี้ล่ะ ทำแบบนี้ดีกว่า จะทำแบบนี้ไปทำไม ประโยคเหล่านี้เราต่างได้ยินมาซ้ำ ๆ ทุกครั้งที่เหมือนจะถามความคิดความเห็นของเรา แต่ก็จบลงด้วยการต้องรับฟังความคิดของเขาตลอด … หลายๆ คนต่างโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่เรื่องอาชีพในฝัน ว่าอาชีพนั้นดีกว่าอาชีพนี้ อย่าทำอาชีพนี้เลย ตกงานแน่ๆ พอเริ่มโตขึ้นมาก็เริ่มชี้แนะเรื่อง โรงเรียนที่จะเรียนต่อ ไปจนถึงสายการเรียนนี้ดีกว่าสายนั้น หรือมากไปถึงการเลือกคณะ มหาวิทยาลัย
ทุกย่างก้าวในชีวิตเรา เหมือนมีคนคอยชี้บอกเราตลอด
คนรอบข้างที่แนะนำเราต่างก็หวังดีกับเราทั้งนั้น เพราะเขาอยากให้เราได้มีชีวิตดีๆ แต่ตั้งแต่เด็ก แต่ความหวังดีที่บางครั้งมันประเดประดังมาจนเรารับไม่ไหว และบางทีมันเยอะมากเกินไปจนเราอึดอัด
เราเข้าใจดีว่าทุกคนรอบข้างหวังดีกับเราขนาดไหน รักเราขนาดไหน และเราก็ซาบซึ้งและเข้าใจตรงจุดนั้น แต่บางทีความรัก ความหวังดี มันอาจจะกำลังทำให้เราตกที่นั่งลำบากก็ได้ เพราะเขาอาจจะมองแต่สิ่งที่เขาต้องการจะมอบให้เรา โดยที่ไม่ได้มองเราเลยว่าเราต้องการมันจริงๆ ไหม และมันจะเหมาะกับเราหรือเปล่า?
ถ้าคนรอบข้างของเรามีเหตุผลที่ดีมากพอว่าสิ่งนั้นมันเป็นทางที่ดีจริงๆ เราก็พร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว แต่บางครั้งเขาเอาแต่ยัดเยียดความคิดแบบนั้นให้เรา โดยไม่สนใจอะไรเลย อย่างน้อยเราแค่อยากให้เขารับฟัง และแคร์ความรู้สึกเราสักนิดก็ยังดี ถามเราสักคำก็ได้ว่าเรารู้สึกยังไง เราอยากทำ หรืออยากมีชีวิตแบบนั้นไหม เพราะบางครั้งการรับต้องรับความหวังดีแบบนี้มากเกินไปเราก็อึดอัดจนเริ่มสงสัยว่านี่มันชีวิตของเราจริงๆ ไหม
ไม่ว่าจะสถานะอะไร ความสัมพันธ์แบบไหน แต่ละคนล้วนแต่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวกันทั้งนั้น และที่สำคัญ ทุกคนต้องการพื้นที่ให้ตัวเองได้เลือกอะไรให้กับชีวิตเองบ้าง ถ้าเริ่มรู้สึกว่าทุกการตัดสินใจของเราเริ่มไม่ใช่การตัดสินใจที่มาจากเราเอง ลองคุยกับคนรอบข้างเพื่อหาจุดที่สมดุลด้วยวิธีเหล่านี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องอึดอัดใจนะ
1. ลองขอโอกาสให้เราได้ตัดสินใจเองดูสักเรื่องก่อน
สำหรับคนรอบข้างที่คอยตัดสินทุกการตัดสินใจ จนเราแทบไม่ได้ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองเลย ลองขอโอกาสให้เราได้ตัดสินใจและลองผิดลองถูกกับชีวิตเราดูสักเรื่องหนึ่งก่อน ให้เราได้รู้สึกว่าชีวิตนี้เป็นของเราสักนิดก็ยังดี
2. เมื่อตัดสินใจเองแล้ว ก็ต้องยอมรับผลให้ได้
ถ้าเราจะตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ดี จะผิดพลาดยังไง จะเสียใจทีหลังไหม เราก็ต้องเตรียมใจที่จะยอมรับสิ่งนั้นให้ได้ เพราะการตัดสินใจนั้นมาจากตัวของเราเอง อย่างน้อยเราจะได้เรียนรู้และเติบโตมากขึ้น
3. ลิสต์เหตุผลของแต่ละฝ่ายมาคุยกัน
ลองเขียนเหตุผลของตัวเอง และให้คนรอบข้างเขียนเหตุผลของเขา ว่าทำไมถึงเลือกแบบนั้น แล้วสลับกันอ่าน เพราะการเขียนจะช่วยตัดอารมณ์ ความเห็นที่ไม่จำเป็นออกไป และได้ใช้เวลาในการไตร่ตรองมากขึ้น และจะดีขึ้นไปอีก ถ้าแต่ละเหตุผลมีข้อมูลจริงๆ มาช่วยสนับสนุน เช่น ทำไมถึงเลือกคณะนี้ ก็ลองหาข้อมูลการเรียนจริง ๆ ว่าเป็นยังไง จบมาแล้วโอกาสในการทำงาน หรือเทรนด์อาชีพ เป็นยังไงบ้าง การมีข้อมูลเหล่านี้มาช่วยสนับสนุนก็จะทำให้เหตุผลมีน้ำหนักมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเราได้หาข้อมูลและพิจารณามาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจแล้ว
แค่เคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน สนับสนุน และค่อยช่วยฉุดอีกฝ่ายขึ้นมาเวลาที่เราต้องการกำลังใจก็เพียงพอแล้ว เพราะไม่ว่าโลกใบนี้จะยากแค่ไหน สิ่งที่คนเราต้องการก็แค่อยากหันไปเจอคนเหล่านั้นยืนอยู่ด้านหลัง คอยเชียร์เราทุกเส้นทางที่เราเลือก … ความรู้สึกเหล่านั้นมันคงจะดีกว่าความอึดอัดใจ ที่เหมือนมีใครยืนตัดสินเราอยู่ด้านหลังตลอดเวลานะ
เป็นยังไงบ้างกับ CAMPHUB check me with Learn O Life หวังว่าน้องๆ ที่อ่านอีพีนี้จะมีแรงกำลังใจฮึดสู้กับตัวเองและคนรอบข้างได้มากขึ้นนะ ถ้าชอบ ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มาเช็ตจิตใจกันน้าาา
เขียนโดย: พี่ๆ ทีมงาน Learn O Life
เรียบเรียงโดย: พี่นัจจี้ CAMPHUB
ภาพประกอบโดย: พี่หมิง CAMPHUB