ALL ABOUT P’CAN NAYIKA
- พี่แคน ตอนนี้เรียนอยู่ปี 4 วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม หลักสูตรอินเตอร์ ที่ ม.มหิดล ควบคู่ไปกับการเป็นศิลปินเดี่ยว ที่มีแฟนคลับมากมาย
- ถึงจะสวมบทบาททั้งศิลปิน ทั้งนักศึกษา แต่เรื่องกิจกรรมในรั้วมหา’ลัย พี่แคนก็ลงมือทำเช่นกัน
- จุดเริ่มต้นที่พี่แคนก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงได้ มาจากการดูการ์ตูนเรื่อง “AKB0048”
- จากการจัดการเวลาที่ดีมากๆ ของพี่แคน ทำให้พี่แคนสามารถจัดเวลาทั้งการเรียน ทำงาน พักผ่อน เข้าป่า ได้อย่างลงตัว
สวัสดีปีใหม่ครับน้องๆ ชาวแคมป์ฮับ ทุกๆ คน เป็นยังไงบ้างกับเทศกาลปีใหม่ 2562 ที่ผ่านมา วันนี้พี่ออฟ ขอพาน้องๆ ไปพับกบ (เฮ้ย) พบกับ “พี่แคน” นักร้องสาวเลือดใหม่ ไฟแรงคนนี้ หลังจากพี่แคนจบการศึกษาจากการเป็นสมาชิกวง BNK48 ตอนนี้ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นศิลปินเดี่ยว และมีผลงานเพลงชื่อเพลงว่า “กลับมานะ” อีกด้วย
ซึ่งในวันนี้น้องๆ จะได้มาทำความรู้จักพี่แคนแบบใกล้ชิดที่สุด นอกจากความน่ารักของของพี่แคนแล้วยังมีความสามารถในการร้องเพลงและยังเก่งในเรื่องกิจกรรมในมหาวิทยาลัยอีก อยากรู้แล้วล่ะซี่ว่าจะเป็นยังไงบ้าง น้องๆ พร้อมกันรึยังครับ? ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกับบทสัมภาษณ์กับพี่ออฟกันเล่ยยย
มาเริ่มกันคำถามแรกกันเลยดีกว่า สวัสดีค้าบแคน ช่วยแนะนำตัวให้กับน้องๆ แคมป์ฮับที่กำลังอ่านอยู่หน่อยครับผม
สวัสดีค่าาา แคน นายิกา นะคะ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ตอนนี้อยู่ปี 4 แล้วค่ะ
โอ้ เรียนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมด้วย ทำไมแคนถึงเลือกเรียนสาขานี้อะครับ
เพราะว่าสมัยตอนที่แคนเรียนอยู่ในมัธยม แคนเป็นคนที่ชอบเรียนวิชาชีววิทยา เคมี หรือวิชาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อีกทั้งที่บ้านยังเป็นบริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญเลย คือเราเป็นลูกคนเดียว เลยรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบกิจการทางบ้านต่อ ก็เลยทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้
นี่แคนเรียนอยู่ วิทยาลัยนานาชาติ มหิดล ด้วย แคนคิดยังไงกับการใช้ภาษาอังกฤษในปัจจุบัน มีความสำคัญขนาดไหน
ภาษาอังกฤษนี่มีความสำคัญมาก เพราะว่าชีวิตของแคนทุกวันๆ เป็นภาษาอังกฤษหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนต่างชาติ ทั้งการเรียน หรือว่าสื่อต่างๆ ในโลกออนไลน์ก็จะเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย แคนคิดว่าภาษาอังกฤษในปัจจุบันนี้มีความสำคัญมากๆ
แล้วบรรยากาศในการเรียนในรั้วมหิดลของแคนเป็นยังไงบ้าง แชร์ให้ฟังหน่อย
บรรยากาศในการเรียนในของแคนก็จะเป็นภาคอินเตอร์โดยนักเรียนที่นี่จะแบ่งแขนงแยกออกมา ค่อนข้างจะมีน้อยมีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 โดยนักเรียนที่นี่ก็จะช่วยเหลือกันเพราะมีจำนวนน้อย และก็จะมีชาวต่างชาติเข้ามาเรียนกับเราด้วย มีทั้งมัลดีฟส์ อินเดีย ญี่ปุ่น หรือจะเป็นฝรั่งเลยก็มี ซึ่งจะมาแลกเปลี่ยนในทุกๆ เทอม
แสดงว่าทุกๆ วันของแคนก็จะเจอภาษาอังกฤษ ถ้าน้องๆ ที่กำลังอ่านอยู่อยากเก่งภาษาอังกฤษแบบแคนบ้าง แคนมีเทคนิคอะไรแนะนำมั้ย
คือว่าแคนก็เป็นเด็กที่เรียนโรงเรียนไทยมาก่อน และการเปลี่ยนโรงเรียนไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แน่นอนเลยว่า ภาษาอังกฤษเป็นปัญหาสำหรับแคนมาก สิ่งที่แคนจะแนะนำน้องๆ ก็คือการได้พูดคุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ อย่างเช่นปู่ของแคน สมัยก่อนไม่มีเงินเรียนภาษาอังกฤษ มีอยู่วันหนึ่ง มีฝรั่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ ปู่ของแคนก็ไปหาทุกเช้า พยายามจะพูดคุยกับฝรั่ง ทำให้ปัจจุบันนี้ปู่ของแคนเก่งภาษาอังกฤษ และทำงานกับชาวต่างชาติได้เลย โดยที่เริ่มจากตรงนั้น
หรือว่าเราอาจจะดูหนังฟังเพลงก็ได้ ถ้ามีโอกาสได้ไปคุยกับชาวต่างชาติก็จะดี อีกอย่าง ถ้าได้ทุนไปเรียนเมืองนอกหรือว่ามีโอกาสได้ไปต่างประเทศแคนแนะนำว่า อย่าสนิทเฉพาะกับคนไทยอย่างเดียว ฮ่าๆๆๆ เพราะเราจะชินกับการใช้ภาษาไทยเพียงอย่างเดียว แล้วจะไม่ได้ฝึกภาษาอังกฤษเลย
มีฝรั่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ ปู่ของแคนก็ไปหาทุกเช้า พยายามจะพูดคุยกับฝรั่ง ทำให้ปัจจุบันนี้ปู่ของแคนเก่งภาษาอังกฤษ และทำงานกับชาวต่างชาติได้เลย
.
ตอนนี้เราอยู่ปี 4 ใช่มะ แล้วเนื้อหาที่เราเรียน เรารู้สึกว่าตอบโจทย์กับการที่เราต้องไปรับผิดชอบกิจการที่บ้านรึเปล่า?
ก็ตอบได้เลยว่า 100% คือเรื่องที่ทำอยู่ในบริษัทของครอบครัวกับเรื่องที่เรียนก็เหมือนกันเลย แม่ชอบเดินมาบอกว่า “เนี่ยคือสิ่งที่บ้านเราทำอยู่” บางครั้งวันไหนที่เรามีการบ้านหรือแล็บต่างๆ ที่ทำในมหาวิทยาลัยได้ไม่ดี ทางแม่ก็บอกว่าให้กลับมาบ้าน ที่บ้านกำลังทำแล็บเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดี
นี่ได้ข่าวว่าตอนเราอยู่มหา’ลัย แคนนี่เป็นเด็กกิจกรรมจ๋าเลยใช่มั้ย
จะว่าจ๋ามั้ย ก็จ๋าในช่วงปีแรกๆ ในเมื่อเราก้าวมาอยู่ตรงนี้ ความจ๋าของเรามันหายไปเยอะมากๆ ตามช่วงเวลา ซึ่งในปีแรกๆ เราทำกิจกรรมแบบจ๋ามาก ทำค่ายลงสมัครกิจกรรมต่างๆ ที่คนอื่นไม่ค่อยทำกันอะ เรารู้สึกว่าการที่เราทำอะไรพวกนี้เป็นการฝึกการทำงานร่วมกับคนอื่นๆ และเราก็ได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ
ถ้าพี่ออฟกำลังจะขึ้นปี 1 มีกิจกรรมอะไรที่แบบห้ามพลาดเลย แนะนำหน่อยครับ
ถ้าเป็นปี 1 ก็ไม่ยากนะ เป็นปีที่แบบรับน้องต้องเข้าแน่ๆ เพราะรับน้องเป็นช่วงเวลาที่เราได้รู้จักกับเพื่อนๆ เพื่อนบางคนอาจจะไม่ได้มาเป็นเพื่อนสนิทเรา แต่อย่างน้อย สนิทกันไว้ อนาคตเราอาจจะได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือกันอีก หลังจากนั้นก็ชมรมต่างๆ ก็แนะนำหมดเลยแล้วแต่ที่ชอบ อย่าไปฝืนทำสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
โอเค เรามาพูดเกี่ยวกับเรื่องศิลปินเดี่ยวของแคนดีกว่า ตอนนี้แคนก็ได้เป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว อะไรที่ทำให้แคนเลือกเดินในเส้นทางนี้
จุดเริ่มต้นที่แคนมาเป็นศิลปินเดี่ยวก็เพราะว่า พอเราได้มาอยู่ในวงการบันเทิง ความมั่นใจของเราก็มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตอนเด็กๆ เราไม่เคยมีความคิดเลย ว่าอยากเป็นนักร้องหรือนักดนตรี จนมาถึงวันหนึ่ง ที่เรามีความคิดว่าอยากมีผลงานเป็นของตนเอง อยากแต่งเพลงเอง ประกอบกับคำพูดจากหลายๆ คนที่บอกว่า “เราทำแบบนี้ได้นะ” “ทำไมเราไม่ทำให้สุดไปเลย” “ทำไมไม่ลองทำให้มันเป็นเพลงจริงๆ” และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือกำลังใจจากแฟนคลับทุกๆ คน ที่มอบให้แคนมาโดยตลอด ทั้งหมดนี้เลยทำให้แคนตัดสินใจออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว
ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือกำลังใจจากแฟนคลับทุกๆ คน ที่มอบให้แคนมาโดยตลอด
.
แล้วทำไมเราถึงเลือกมาเป็นไอดอล (BNK48) ก่อนอะครับ อยากให้เล่านิดนึง
ต้องขอเท้าความไปตั้งแต่หนังเรื่อง Star Wars ที่แคนชอบการเดินทางระหว่างดวงดาวด้วยยานอวกาศ ซึ่งหลังจากนั้น พอเรามาเห็นการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงยานอวกาศเหมือนกัน อย่างเรื่อง “AKB0048” เราก็เลยหลงเข้ามาดู ฮ่าๆๆๆ ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้ได้เล่าถึงการที่ในยุคอนาคต ที่มนุษย์ออกไปตั้งรกรากกันบนดวงดาวต่างๆ แต่บางดวงดาว เสียงดนตรี ก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับดวงดาวนั้นๆ เหล่าไอดอลเลยต้องสวมบทบาทเป็นฮีโร่กอบกู้เสียงดนตรีให้กลับมาเพื่อให้ประชาชนในดวงดาวนั้นๆ ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครึ่งหนึ่ง
จากจุดเริ่มต้นฮาๆ อันนี้ ทำให้แคนได้รู้จักกับ AKB48 จนกระทั่งวงไอดอลโมเดลนี้ อย่าง BNK48 ได้มาเปิดรับสมัครในไทย ทำให้เราลองสมัครออดิชั่นเข้ามา ลองดูว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ซึ่งปรากฎว่าก็ได้เข้ามาอยู่ในวงจริงๆ ซึ่งมันตลกมากๆ แต่ก็ทำให้เรามาเป็นแคนนายิกาได้ จนในวันนี้
พี่แคนขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในงาน Cat Expo ครั้งที่ 5
แคนมีอุปสรรคอะไรรึเปล่าที่ตัวเองได้ก้าวข้ามจากคำว่า “ไอดอล” สู่คำว่า “ศิลปินเดี่ยว”
มีนะ บางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราตั้งใจแบบอยากลบภาพไอดอลออกไป แต่มันยังมีรอยต่อที่ยังลบแล้วยังไม่หาย เพราะเราก็เพิ่งจบการศึกษาจาก BNK48 มา เลยต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบต่างๆ ทีละเล็กละน้อยไป เช่นช่วงที่ผ่านมาแคนได้ขายแผ่นซิงเกิลของแคนเอง โดยภายในนั้นก็จะมีรูปสุ่มของแคนอยู่ แต่หลังจากนี้เราก็อาจจะปรับเปลี่ยนให้มันเป็นศิลปินมากขึ้น เมื่อคุณเจอเรา ก็สามารถทักทายได้ หรือขอถ่ายรูปได้ เพื่อที่ให้คนอื่นมองว่าเราไม่ใช่ BNK48 แล้ว
ทุกวันนี้ คนอื่นก็ยังมองเราว่าเราเป็นส่วนนึงของ BNK48 อยู่ และยังมีการ Bully เล็กๆ ในการก้าวมาเป็นศิลปิน เช่นปัญหาเรื่องของเสียงร้อง ซึ่งเราก็ทราบถึงปัญหานี้ เสียงของเรายังไม่มั่นคง ทุกวันนี้แคนก็กำลังพัฒนาตัวเองอยู่ และก็กำลังเร่งแต่งเพลงให้ได้หลายๆ เพลงด้วย ทั้งหมดนี้ เพื่อให้คุณภาพของเพลงต่อๆ ไปดียิ่งขึ้น ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
แต่หลังจากนี้เราก็อาจจะปรับเปลี่ยนให้มันเป็นศิลปินมากขึ้น เมื่อคุณเจอเรา ก็สามารถทักทายได้ หรือขอถ่ายรูปได้ เพื่อที่ให้คนอื่นมองว่าเราไม่ใช่ BNK48 แล้ว
.
เห็นว่าเราชอบแต่งเพลงอะไรแบบนี้ แสดงว่าแคนชอบแต่งเพลงตั้งแต่เด็กเลยรึเปล่า อะครับ?
ไม่นะ ตอนเด็กๆ คือชอบฟังเพลงแต่ไม่ชอบร้องเพลง หรือคิดจะทำเพลงเลย แต่จากหลายๆ เหตุการณ์ที่เราเจอมา มันทำให้เราอยากเอามาเล่า มาร้อยเรียงเป็นเสียงเพลง เพราะเสียงเพลงมันบ่งบอกถึงความรู้สึกของคำที่เราเปล่งเสียงออกมาด้วย เราก็เอาคำต่างๆ พวกนั้น มาใส่ในคอร์ดจนเกิดมาเป็นบทเพลง อย่างที่ทุกคนได้ฟังกัน
แล้วทำไมเราถึงเลือกแต่งเพลงเอง ทั้งๆ ที่เราก็แค่ร้องก็ได้ล่ะครับ ?
เพราะว่าเราไม่ใช่นักร้องดีวา เราไม่ใช่นักร้องที่เก่ง สิ่งที่เรามี ก็มีแค่ตัวเรา ดังนั้นเราเลือกที่จะถ่ายทอดผลงานทั้งหมดดีกว่า เราไม่อยากให้คนเข้ามาดูเรา หรือฟังเราเพียงแค่คุณภาพของน้ำเสียงของเรา แต่เราอยากให้เข้ามาดูและฟังภาพรวมของเรา ว่าเราต้องการที่จะสื่ออะไร เพราะเราต้องการถ่ายทอดทั้งเสียง ความหมาย ความรู้สึก ผ่านบทเพลงของเรา เหมือนเราสร้างศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมาเอง ในทุกๆ ขั้นตอน
เรามาพูดถึงซิงเกิลแรกของแคนกันดีกว่านั่นก็คือเพลง “กลับมานะ” อะไรที่ทำให้แคนเริ่มแต่งเพลงนี้ขึ้นมา
จริงๆ แคนแต่งให้กับบุคคลในชีวิตแทบจะทุกชีวิตที่เข้าแล้วออกไปจากชีวิตเราโดยที่เรายังค้างคาใจกันอยู่ แบบคุณไม่ชอบอะไรเรารึเปล่า ถึงเดินออกจากชีวิตเราไป เปรียบเสมือนเป็นเพลงขอโทษเขา และอยากให้เขากลับมาแบบให้อภัยเรา ไม่ต้องกลับมาอยู่ด้วยกันก็ได้ แต่ไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีก ซึ่งในชีวิตเราก็เคยเจอแบบนี้ เราก็เลยรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดจนออกมาเป็นเพลงนี้ และเพลงนี้มันก็เกิดจากเรื่องราวหลายๆ
อย่างตอนที่เราเคยเป็นข่าว และมีแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ว่าผิดหวังนะ ซึ่งเราไม่รู้นะว่าคนๆ นั้นเป็นแฟนคลับเราจริงๆ รึเปล่า แต่เขาบอกมาแล้วว่าผิดหวัง ก็แสดงว่าเขาก็เคยรู้สึกอะไรเราบ้างแหละ เลยอยากส่งเพลงนี้ไป เพื่อบอกว่าเราขอโทษนะ เราตั้งใจทำให้เพลงนี้ให้เป็นเพลงสำหรับการขอโทษทุกๆ คนที่ผ่านมาในชีวิตของเรา
เราตั้งใจทำให้เพลงนี้ให้เป็นเพลงสำหรับการขอโทษทุกๆ คนที่ผ่านมาในชีวิตของเรา
.
แล้วเรารู้สึกยังไงกับกระแสตอบรับของเพลงนี้อะครับ
รู้สึกว่าดีในระดับนึง แต่ก็รู้สึกกว่าเพลงต่อๆ ไปก็จะทำให้ดีขึ้นไปอีก เพราะว่าช่วงนี้ก็จะใกล้ปล่อยซิงเกิลที่ 2 แล้ว ซึ่งในซิงเกิลแรกแคนก็ได้ Feedback ต่างๆ ทั้งดีและไม่ดี แคนก็ต้องขอขอบคุณทุกๆ Feedback ทุกๆ คำติชมที่ส่งมาให้แคนมากๆ นะคะ สำหรับข้อที่ไม่ดีก็ทำให้เราได้มองเห็นจุดผิดพลาดของตัวเอง และนำมาพัฒนาตัวเอง ซึ่งตอนนี้คิดว่าพัฒนาได้เยอะมากๆ เลย
แคนจะออกปีละกี่ซิงเกิลดี
ก็ขึ้นอยู่ว่าแต่งได้มากน้องขนาดไหน ขึ้นอยู่ว่าชีวิตเราเจออะไรด้วย
แอบถามนิดนึง หลังจากที่แคนได้ขึ้นเป็นศิลปินเดี่ยวนี่แคนงานเยอะมั้ย
ก็เยอะนะ ก็มีเล่น MV ไปเป็นแขกรับเชิญ ไปงานอีเวนต์ต่างๆ มีสัมภาษณ์ และปี 2562 นี้ แคนจะได้มีโอกาสทำเพลงร่วมกับชาวต่างชาติด้วย
ว้าว.. ทำเพลงร่วมกับชาวต่างชาติ พอแอบสปอยเล็กๆ น้อยๆ ได้มั้ยเอ่ย
สปอยยังไงดี? ตอนนี้เพลงก็ประมาณ 30% อยู่ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ของวงต่างชาติที่เข้ามาเมืองไทยและอยากทำโปรเจกต์พิเศษให้กับเมืองไทย แล้วเราก็มีส่วนช่วยเหลือกับวงทางนู้น เข้าไปช่วยร้อง Feat บางท่อน ประมาณนี้ เพลงอาจจะอินดี้หน่อยๆ และเราจะได้บินไปญี่ปุ่นเพื่อไปอัดเพลงด้วย ยังไงก็ลองติดตามกันได้นะ
ที่แคนพูดมา เราเห็นแคนทำหลายๆ อย่างมากเลย แคนมีวิธีการจัดการเวลาของแคนยังไงบ้างอะครับ
เราจะมีตารางปฎิทินอยู่ในโทรศัพท์ อันดับแรก เราก็ต้องดูก่อนว่าอาทิตย์ไหนสอบ เราก็จะล็อกตารางไว้เลย แล้วก็ใส่พวกตารางเรียนที่เราเรียนใน 1 เทอมว่าเรียนวันไหนบ้างเวลาไหนบ้าง แล้วมาดูว่าเวลาไหนที่เราไม่ชน เราจะเลือกทำกิจกรรมหรือเลือกทำงาน ก็ได้หมดเลย
แล้วเคยรู้สึกเหนื่อยบ้างมั้ย แบบว่าเรียนเสร็จแล้วก็ต้องไปทำงานต่อ
คือมันไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะว่างานที่เราทำในตอนนี้มันไม่เหมือนกันสักวัน มันได้เจอคนต่างกัน มันแตกต่างกันไปหมด มันไม่ได้วนลูปหรือเป็นรูทีน ที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อ
มันได้เจอคนต่างกัน มันแตกต่างกันไปหมด มันไม่ได้วนลูปหรือเป็นรูทีน ที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อ
.
แล้วถ้ามีการบ้านหรือโปรเจกต์ที่ต้องทำร่วมกับเพื่อน เรามีวิธีจัดการยังไง
เราจะรีบเร่งเพื่อนให้ทำเลย เช่นอาจารย์สั่งวันนี้ เราก็จะโทรหาเพื่อนๆ ให้แบ่งงานกัน เราจะทำส่วนไหน เพื่อนจะทำส่วนไหน คุยกันให้เคลียร์ตั้งแต่แรก เพราะเพื่อนก็เข้าใจ เราก็ทำส่วนของเราให้เสร็จแล้วส่งให้เพื่อนๆ เลย ในวันพรีเซ็นต์ เพื่อนๆ ก็จะเซ็ตให้เราว่าเราต้องพูดในส่วนที่เราทำไปอะไรแบบนี้
เครียดๆ กันไปแล้ว เปลี่ยนคำถามกันบ้าง แล้วไลฟ์สไตล์ว่างๆ ของแคนแคนชอบทำอะไรอะครับ
ชอบดูหนังกับชอบเข้าป่า ชอบหนีเมือง แต่ว่าการเข้าป่าจะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาแบบหยุดยาวจริงๆ แบบสิ้นปี ปีใหม่ ส่วนเวลาว่างทั่วๆ ไป แคนชอบส่องโครงการบ้าน คอนโดต่างๆ ตามเว็บไซต์อสังหาฯ ต่างๆ
ว้าว.. งานอดิเรกนี้น่าสนใจจัง อันนี้ที่ดูอสังหาฯ นี่อยากแต่งห้องหรือว่าอยากลงทุนเนี่ย
ถ้าวันนึงมีตังก์ก็อยากซื้อ อยากลงทุน จริงๆ ก็ดูหมดว่าแถวนี้มีโครงการอะไรบ้าง ช่วงพระราม 3 มีโครงการอะไรใหม่ ห้องราคาเท่าไหร่ กี่ตารางวา ก็จะหาข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นความชอบแปลกๆ ของแคนเอง
ต่อไปในอนาคตเราอาจจะเห็นแคนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นได้นะครับ
อันนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะเป็นที่ปรึกษาในการซื้อ ฮ่าๆๆๆ
เห็นตอบว่าชอบไปเที่ยวชอบไปเข้าป่าอะไรงี้ พี่ออฟอยากถามว่าแคนชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างทะเล กับภูเขา
ยากแฮะ มันขึ้นอยู่กับพลังของเรา ถ้าตอนที่มีมากๆ เราก็อยากเข้าป่าไปภูเขา แต่ถ้าพลังมีน้อย เราก็อยากที่จะผ่อนคลาย ก็เลือกไปทะเล แค่ไปนอนดูวิวก็ผ่อนคลายแล้ว เราอาจจะมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ในบางวัน แต่มันก็คือวันพักผ่อน แต่ถ้าเข้าป่าไปภูเขาก็จะมีความซกมกเกิดขึ้น ไม่ได้อาบน้ำ เดินเยอะอะไรงี้ ก็แล้วแต่ช่วงนั้นๆ ของแคน
ที่เที่ยวธรรมชาติที่แคนชอบไปเนี่ย ที่เคยไปมาทั้งชีวิต ชอบไปที่ไหนและประทับใจมากที่สุด
ถ้าตอนนี้ก็ยังเป็นเขาช้างเผือกเป็นอันดับ 1 ในอนาคตก็อาจจะเปลี่ยนที่ ถ้าเราได้ไปบุกเบิกในที่ใหม่ๆ มากขึ้น อย่างเขาช้างเผือกก็จะมีความเป็นธรรมชาติ มีรอยอารยธรรม เราก็จะเจอสังคมของคนข้างบนและผู้พิชิตจริงๆ เพราะว่าคนข้างล่างก็ไม่สามารถขึ้นมาได้ภายใน 1 วัน อีกทั้งยังมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เช่นเขาที่มีต้นไม้สูง บางทีก็เป็นหญ้า ให้ดูตามระหว่างทาง
ถ้าน้องอยู่ ม.6 แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนอะไรดี แคนจะแนะนำยังไงดี
จริงๆ ให้คิดว่าเราจะเลือกเรียนคณะที่ตอนนั้นเราคิดว่ามันเหมาะสมกับเรามากที่สุด เราโอเคกับมันมากที่สุด แล้วทุกอย่างที่เราเลือก เราจะต้องเข้าไปเผชิญกับมันเอง ถ้าเราเข้าคณะผิด เราก็จะเครียดไปกับมัน จนบางทีเราก็อยากที่จะซิ่วออกมา ช่วงเวลาที่เราหลงเข้าไปเรียน ก่อนที่จะซิ่วออกมา มันก็ทำให้เรารู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มันก็เหมือนเป็น Butterfly Effect ถ้าไม่เกิดสิ่งนี้ เราก็ไม่ได้อีกสิ่งนึง ก็เลยอยากให้ไม่ต้องเครียดกับมัน ให้สิ่งที่มันเข้ามาสอนเราและเรียนรู้ไปกับมัน
อยากให้แคนฝากให้กำลังใจถึงน้องๆ ที่กำลังค้นหาตัวเองอยู่หน่อยครับผม
คำว่าค้นหาตัวเอง เราอย่าเพิ่งไปเครียด ว่าฉันหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ลองคิดถึงปัจจุบันก่อนว่าเราอยากทำอะไรในวันนี้ วันพรุ่งนี้ แล้ววันนึงเราดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้เองว่า นี่แหละคือสิ่งที่เราทำแล้วเรามีความสุข
ช่วงเวลาขายของ ฮ่าๆๆๆ ฝากผลงานหน่อยจ้า
ก็มีเพลง “กลับมานะ” ที่เป็นซิงเกิลเดี่ยวซิงเกิลแรก สามารถติดตามได้ในยูทูบ แชนเนล Can Nayika และข้อมูลตารางงานต่างๆ ก็จะอัปเดตในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Can Nayika และในไอจี @CanNayika ส่วนผลงานต่อๆ ไป ก็จะปล่อยในเดือนนี้ อย่างเพลง “สุดท้ายก็เธอ” ก็ใกล้จะปล่อยแล้ว ยังไงก็ฝากแฟนคลับทุกๆ คน ติดตามกันด้วยนะค้าาา
สุดท้ายจริงๆ แล้ว จะใหม่แล้วอยากให้แคนอวยพรน้องๆ ในช่วงปีใหม่หน่อยครับผม
สุขสันต์ปีใหม่ค่าาา น้องๆ ชาวแคมป์ฮับทุกคน ขอให้ทุกคนมีความสุข คิดสิ่งใด ก็ขอให้สมความปรารถนา สมัครค่ายไหนก็ติด และใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทกันด้วยนะคะ
ถ้าน้องๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว..นั่นก็แสดงว่าน้องๆ ได้อ่านหนังสือเกือบครบโควตาของปี 2019 แล้วนะครับ (ไม่ใช่!) เป็นยังไงกันบ้างครับน้องๆ ได้รู้จักพี่แคนเพิ่มขึ้นแล้วใช่มั้ยล่ะ สำหรับพี่ออฟเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้สัมภาษณ์พี่แคน เพราะพี่เองก็ติดตามผลงานของพี่แคนตั้งแต่อยู่ BNK48 (น้ำตาจะไหล) น้องๆ สามารถเอาแง่คิดดีๆ หรือเทคนิคต่าง ที่ได้จากพี่แคน ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตัวเองได้เลยนะ เช่นการแบ่งเวลาต่างๆ การฝึกภาษาอังกฤษ และการทำกิจกรรมต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ส่วนพี่ออฟก็จะนำเทคนิคการแบ่งเวลาไปปรับใช้เหมือนกันครับผม
และสุดท้ายนี้สำหรับปีใหม่ 2562 ที่ตอนนึ้ ทุกคนที่ก้าวเข้ามาแล้ว พี่ออฟและแคมป์ฮับ ก็ขอให้เป็นปีที่ดีของน้องๆ ทุกคนนะครับ ถ้าเราตั้งใจทำอะไร ผลออกมาก็จะดีเสมอครับผม แคมป์ไอดอลครั้งหน้าจะเป็นใครรอติดตามกันนะครับ สำหรับวันนี้ พี่ออฟ พี่แคน และทีมงานแคมป์ฮับก็ต้องขอลาไปก่อน ลายูเนิฟ.. เลิฟยูนะ บ๊ายบายครับผม
แคมป์ไอดอล แคน นายิกา ศรีเนียน
บทความ พี่ออฟ แคมป์ฮับ
ประสานงาน พี่ฟิวส์ แคมป์ฮับ
เสื้อผ้า พี่โบ๊ช แคมป์ฮับ
ถ่ายภาพ พี่โอ แคมป์ฮับ
กราฟิก พี่อัยย์ แคมป์ฮับ
ขอขอบคุณสถานที่ ร้านใส่นม สาขาปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า