สวัสดีปีไก่ น้องๆ เด็กล่าค่าย ทุกๆ คน หลังจากที่ห่างหายกันไปพักนึง วันนี้ แคมป์รีวิว ก็กลับมาพบกับน้องๆ กันแล้ว !! เฮ่ๆๆ ก็ถือว่าเป็นการกลับมา รับปีใหม่ 2560 กันเลยทีเดียว สำหรับแคมป์รีวิวใน EP. นี้ ก็มีน้องๆ จากทางบ้านส่งรีวิวเข้ามากันอีกแล้ว ซึ่งก็คือ น้องปอม นี่เองที่ส่งเข้ามาในครั้งนี้ ซึ่งค่ายที่น้องปอมจะพาพวกเราไปเที่ยวนั่นก็คือ ค่ายสวมกาวน์ก้าวสู่โดม # 3 โดยพี่ๆ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั่นเอง !! ซึ่งจัดในวันที่ 12-14 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา
น้องๆ หลายๆ คนก็น่าจะคุ้นหูกับคำว่า “สหเวชฯ” กันอยู่แล้ว แต่พี่เชื่อว่า น้องๆ หลายๆ คนน่าจะยังไม่เข้าใจในคำว่า “สหเวชฯ” กันอยู่ นั้นเรามารู้จักกับคณะนี้กันก่อนเล้ยยย..
มาทำความรู้จักกับสหเวชฯ มธ.
“คณะสหเวชศาสตร์” เป็นคณะที่เรียนเกี่ยวกับความรู้ต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เพื่อนำมาใช้ในการทำงานร่วมกับแพทย์ และบุคลกรทางการแพทย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เภสัชกร พยาบาล ทันตแพทย์ และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับ “คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 บนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยจะแบ่งเป็น 3 สาขาด้วยกัน ดังต่อไปนี้
- สาขาเทคนิคการแพทย์ เรียนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง
- สาขากายภาพบำบัด เรียนเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ การรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยหรือผู้พิการด้วยวิธีการทางกายภาพบำบัด
- สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการพัฒนากีฬา เรียนเกี่ยวกับการพัฒนานักกีฬาและทักษะในการแข่งขัน รวมทั้งการออกกำลังกายในชีวิตประจำวัน
ตอนนี้น้องๆ ก็น่าจะรู้จักกับคณะสหเวชศาสตร์กันประมาณนึงแล้ว ถ้าอย่างนั้น เราไปทำความรู้จักกับคณะสหเวชฯ กันมากยิ่งขึ้น กับรีวิวค่าย “สวมกาวน์ก้าวสู่โดม #3” ของน้องปอมกันเลยจ้าาาา..
รีวิวค่ายสุดมันส์.. จากมุมมองของน้องปอม
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวแคมป์ฮับทุกคนนะครับ วันนี้ฤกษ์งามยามดีมาอ่านรีวิวค่ายสนุกๆ ที่แฝงไปด้วยความรู้ทางวิชาการที่มีประโยชน์อย่างค่ายสหเวชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “ค่ายสวมกาวน์ก้าวสู่โดมครั้งที่ 3” กันดีกว่า แต่ก่อนที่ผมจะรีวิวค่ายผมขอแนะนำตัวก่อนดีกว่า
ผมชื่อนายศิวัตม์ ทองช่วง เรียกสั้น ๆ ว่า ปอม ก็ได้ ผมก็เป็นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปนั่นแหละครับ ที่รักสนุก ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ จนวันหนึ่ง ผมก็คิดได้ว่าผมควรจะหาตัวเองให้เจอได้แล้วว่าอยากเรียนคณะอะไรแล้วก็เรียนที่ไหน แต่ก็นึกไม่ออกซะทีว่าทำยังไงถึงจะนึกออกจนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนที่โรงเรียนแนะนำให้ลองสมัครค่ายตามมหาวิทยาลัยดู
แล้วก็แนะนำให้ผมรู้จักกับเว็บ “แคมป์ฮับ” และผมก็มีโอกาสได้ไปเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยหลายค่ายอยู่เหมือนกัน ทำให้ผมสนใจในหลายๆ ค่าย หลายๆ คณะ แต่ก็แอบคิดไม่ได้ว่ามันใช่ตัวเราจริงๆ หรือเปล่า จนกระทั่งผมมาพบกับค่ายสวมกาวน์ก้าวสู่โดมครั้งที่ 3 ..
ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่าค่ายนี้เปิดรับสมัครด้วยซ้ำ แค่เคยได้ยินจากเพื่อนคนหนึ่งว่าเคยไปเข้าค่ายนี้ตอนที่เริ่มจัดเป็นปีแรก และเพื่อนคนนั้นบอกว่าค่ายนี้ดีมาก และเพื่อนคนนี้ก็ชวนให้ผมลองสมัครค่ายสวมกาวน์ก้าวสู่โดมครั้งที่ 3 นี้ดู ผมลองอ่านรายละเอียดก็เห็นว่าน่าสนใจดีและคำถามในใบสมัครก็ท้าทายคนตอบดีด้วย จึงรีบกรอกใบสมัครและส่งไปตอนต้นเดือนกรกฎาคม
แต่หลังจากส่งใบสมัครไปได้ไม่นานก็เหมือนฟ้ากลั่นแกล้งผม เพราะวันที่ไปค่ายผมต้องไปแข่งวิ่งมาราธอนของเขต นั่นทำให้ผมหนักใจมากว่าจะเลือกไปแข่งวิ่งหรือจะไปค่ายดี แต่พอผมได้คุยกับพ่อแม่ดู พวกท่านอยากให้ผมไปค่ายนี้เพราะเชื่อว่าค่ายนี้จะต้องให้ประสบการณ์ดีๆ กับผมแน่นอน ผมไม่รู้ว่าพวกท่านตัดสินใจถูกหรือเปล่า แต่ถ้าท่านอยากให้ไปค่ายผมก็โอเค
ค่ายนี้จัดโดยคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับเด็กเข้าร่วมค่ายเพียงแค่ 90 คนจากทั้งหมดที่สมัครมาพันกว่าคน ผมดีใจมากๆ เลยนะ ที่พวกพี่ๆ เลือกให้ผมเป็นหนึ่งใน 90 คน แต่วันแรกที่ไปค่ายระหว่างนั่งรถผมยังแอบลังเลใจอยู่เลยว่าจะกลับไปแข่งวิ่งดีมั้ย แต่มาขนาดนี้ผมไปค่ายก็ได้
ทันทีที่ถึงอาคาร บร.1 ซึ่งเป็นจุดที่พี่ๆ นัดพวกเราไว้ ก็มีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมที่รถและยกกระเป๋าของผมให้ ตอนนั้นผมเกรงใจพี่เขามากก็เลยรีบบอกไปว่า “เดี๋ยวผมยกเองครับพี่” พี่เขารีบหันมาบอกว่าจะยกเอง เขาไม่อยากให้น้องเหนื่อย แล้วบอกให้ผมไปลงทะเบียน ตอนนั้นผมประทับใจมากแต่พี่เดินเร็วไปหน่อยนะครับ ผมตามไม่ทัน 5555
หลังจากลงทะเบียนเสร็จพี่ๆ ก็ให้ผมไปถ่ายรูปต่อ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะถ่ายไปทำไม หน้าผมพึ่งตื่นด้วย (ตอนหลังถึงรู้ว่าใช้รูปที่ถ่ายเป็นรูปในสมุดกระจกของเรา) หลังจากถ่ายเสร็จก็เจอกับเพื่อนๆ ในกลุ่มของตัวเองซึ่งที่ค่ายนี้จะเรียกว่า Sec ซึ่งผมอยู่ Sec 4 มีชื่อเก๋ๆ ว่า “Sec Unicorn” ซึ่งกลุ่มอื่น ๆ ก็มีชื่อเป็นสัตว์ในเทพนิยายเหมือนกัน ตอนแรกพวกเราแทบจะไม่คุยกันเลย
แต่หลังจากที่ได้ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน เช่น กิจกรรมละลายพฤติกรรมซึ่งจัดโดยพี่ๆ กองสันทนาการ ก็ทำให้พวกเราเริ่มสนิทกันและคุยกันมากขึ้น ค่ายนี้นอกจากจะกิจกรรมสนุกแล้ว เรื่องความรู้ทางวิชาการก็ดีไม่แพ้กัน
วันแรก พี่ๆ พาพวกผมไปทำความรู้จักกับ “สาขาเทคนิคการแพทย์” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาของคณะสหเวชศาสตร์ ซึ่งผมได้ลองอะไรหลายๆ อย่างเช่นการเจาะเลือด (ผมนี่แหละที่โดนเจาะ 5555) หรือว่าการหาหมู่เลือดของคนไข้ก่อนที่จะบริจาคเลือดให้ เพราะถ้าบริจาคหมู่เลือดที่ไม่ตรงกับร่างกายของคนไข้อาจจะอันตรายถึงชีวิตของคนไข้เลยก็ได้ ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ผมก็เกือบหลับเหมือนกัน แต่หลังจากได้ลงมือทำด้วยตัวเอง ผมก็พบว่ามันสนุกและท้าทายมาก
แน่นอนวันที่สองพี่ๆ พาพวกผมไปทำความรู้จักกับอีกสองสาขาที่เหลือก็คือ “สาขากายภาพบำบัด” และ “สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา” ซึ่งสาขากายภาพบำบัดนั้นผมได้พบกับความตื่นตาตื่นใจหลายอย่าง เช่นการเข้าห้องกรอส (ห้องเก็บอาจารย์ใหญ่) ซึ่งผมได้ความรู้มากมายจากที่นี่ และไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เข้าห้องกรอสอีกหรือเปล่า ส่วนสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นสาขาที่เพื่อนใน Sec รวมไปถึงเพื่อนที่โรงเรียนของผมอยากเรียนกันมาก จนผมแอบคิดว่าสาขานี้จะเล่นแต่กีฬาทั้งวันหรือเปล่า
แต่จริงๆ ก็ไม่เป็นอย่างนั้นทั้งหมด สาขานี้มีเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา ซึ่งตัวผมก็เป็นคนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วยิ่งทำให้ผมสนใจสาขานี้เข้าไปใหญ่ ซึ่งพี่ๆ พาพวกผมทำกิจกรรมหลายอย่างเช่นการใช้เครื่องเล่นฟิตเนส การวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจ หรือว่าการจัดการการกีฬา ซึ่งผมก็พึ่งรู้ว่ามีสาขานี้อยู่ในคณะสหเวชศาสตร์ด้วย
หลังจากได้รับความรู้ไปเต็มอิ่มแล้ว ก็ถึงกิจกรรมตอนกลางคืนก็คือให้พวกผมแต่ละกลุ่มแสดงบทละครตามที่จับฉลากได้ ซึ่งกลุ่มของผมได้เรื่องภาคีนกฟีนิกซ์กับหนังยาง พวกผมรีบซ้อมกันทันทีที่ทานอาหารเย็นเสร็จเพราะกลัวการแสดงออกมาไม่ดี สุดท้ายมันก็ผ่านไปได้และเราก็ภูมิใจด้วยที่ทำมันออกมาได้ดี พอพวกเราแสดงเสร็จพวกพี่ก็บอกให้เตรียมกลับที่พัก ทีแรกผมนึกว่ากิจกรรมในวันที่สองจะจบลงแค่นี้
แต่กลายเป็นพวกพี่เขาทำบายศรีสู่ขวัญเซอร์ไพรซ์พวกผมซะอย่างนั้น จริงๆ ผมก็ไม่ชอบหลับตาเดินหรอกนะ 5555 แต่ผมเชื่อใจพวกพี่ เชื่อใจเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหน้า นั่นทำให้ผมหลับตาเดินไปได้จนถึงที่หมาย หลังจากบายศรีสู่ขวัญเสร็จ ก็มีคอนเสิร์ตที่จัดโดยพวกพี่ๆ ต่อ บอกเลยว่ามันส์..มาก ถึงเช้าก็ยังไหว
แต่อย่างว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เวลาสามวันสองคืนเหมือนผ่านไปเร็วมาก แป๊บเดียวก็มาถึงวันสุดท้าย ผมใจหายมาก คืนวันที่สองผมนั่งๆ นอนๆ เขียนสมุดกระจกให้เพื่อนๆ ใน Sec ตัวเองรวมไปถึงเพื่อนกลุ่มอื่นบางคนที่สนิทกัน ยอมรับเลยว่านอนไม่หลับเพราะผมไม่อยากให้ค่ายนี้จบเร็วแบบนี้ ก่อนที่ค่ายนี้จะจบพวกพี่ๆ ให้พวกเราบอกความในใจกับพี่ๆ เพื่อนๆ ซึ่งผมประทับใจมากจนร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่จริงๆ ผมไม่ใช่คนร้องไห้ง่ายๆ เลย
ค่ายนี้ให้อะไรกับผมหลายอย่างทั้งความรู้เกี่ยวกับคณะสหเวชฯ ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนและพี่ค่ายทุกคน รวมไปถึงทำให้ผมรู้ตัวว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร ค่ายนี้ทำให้ผมหาตัวเองเจอหลังจากที่เริ่มหาตัวเองมาตั้งแต่ ม.5 และถ้ามีเป้าหมายต่อไปผมก็จะเริ่มตั้งใจและทำตามเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ ผมอยากจะขอบคุณพี่ๆ ทุกคนมากนะครับที่จัดค่ายนี้ขึ้นมาและเลือกให้ผมเป็นส่วนหนึ่งในค่ายนี้
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองตัดสินใจถูกที่เลือกมาค่ายนี้ ฝากถึงใครหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร อยากให้ค่ายนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก อยากให้ลองมาดู ผมเชื่อว่าค่ายนี้จะต้องให้คำตอบได้แน่ๆ ว่าเราอยากจะเป็นอะไร ถึงแม้สุดท้ายจะไม่ได้อยากเรียนสหเวชฯ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะกลับมาค่ายนี้อีกครั้งในฐานะพี่ค่าย ผมจะพยายามทำให้ได้
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับรีวิวค่าย สวมกาวน์ก้าวสู่โดม #3 โดย น้องปอม สำหรับพี่ พี่ถือว่าน้องเขียนได้สนุกมาก ทำให้พี่รู้สึกอินในค่าย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปค่ายมาเลยด้วยซ้ำ น้องๆ เห็นมั้ยว่า การเข้าค่าย นี่สามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ นะ การที่เราได้ค้นพบสาขาวิชาที่เราอยากเรียนจริงๆ นี่ มันมีความสุขมากเลยนะ ที่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบ แล้วจะได้จบออกมาทำในสิ่งที่ใช่จริงๆ แต่ถ้าระหว่างทาง เราเจอกับอุปสรรคในการเรียนต่างๆ ก็อย่าเพิ่งย่อท้อล่ะ พี่ฟิวส์ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนน้าาาาา สู้ๆ น้องๆ ทำได้อยู่แล้ววววว..
และสำหรับน้องๆ คนไหนที่ไปค่ายมาแล้วมีความประทับใจที่อยากมาเล่าสู่กันฟังแบบน้องปอม ก็สามารถส่งบทความรีวิวค่ายมาให้พี่ฟิวส์ได้ที่ [email protected] หรือทาง แฟนเพจแคมป์ฮับ ก็ได้น้าาา.. ไม่ต้องกลัวว่าเราจะเขียนออกมาไม่ดี ยังไงก็ลองส่งกันเข้ามาก่อน เดี๋ยวพี่ฟิวส์ และทีมงานแคมป์ฮับ จะช่วยดูให้น้องๆ เองจ้า !! สำหรับวันนี้ พี่ฟิวส์ และ น้องปอม ต้องไปแล้ว แล้วเจอใหม่ บ้ายบายจ้า ฟิ่ววววว ~~~~~
เขียนโดย : พี่ฟิวส์ แคมป์ฮับ และน้องปอม ศิวัตม์ ทองช่วง
ขอขอบคุณรูปภาพ : AHS TU Photo
ขอขอบคุณข้อมูล : คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรูปลูกปัญญา และ GotoKnow (บล็อกของ dhanarun)