เมื่อเราถูกสอนกันมาแบบฝังหัวว่าให้ “ทนๆ ไปก่อน เดี๋ยวอะไรก็ดีขึ้นเอง” และเราก็เผลอเชื่อ และใช้ชีวิตไปตามนั้น
ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม คำพูดนี้มักมาเสมอเวลาที่เราบ่นถึงความยากลำบาก หรือเมื่อเราปรึกษาเพื่อหาทางออก ซึ่งเราก็ทนตามที่เขาบอกไปเพราะหวังว่าหากเราทนให้ผ่านวันนี้ไปได้ พรุ่งนี้มันอาจจะมีอะไรดีๆ ขึ้นมาก็ได้ จนรู้ตัวอีกที ความสุขในชีวิตก็ถูกฉกฉวยไปซะหมด แค่เพียงเพราะคำว่า “อดทน” คำเดียว
แล้วเลวร้ายไปกว่านั้น พอเราเลือกที่ตัดจบ มูฟออน ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว เราก็ดันมาติดกับบ่วงความรู้สึกผิด แถมยังต้องมานั่งห่วง กลัวคนจะมองว่าเราใจไม่สู้ และมองว่าเราเห็นแก่ตัวไป กลัวจะเจอกับประโยคที่ว่า “เรื่องแค่นี้ ทำไมไม่อดทน” อีก
อย่างเรื่องงาน ที่หลายๆ คน เรียนจบมาแล้วก็ยังไม่รู้ตัวเองหรอก ว่าตัวเองชอบงานสายไหนกันแน่ แต่ยื่นที่ไหนไปแล้วเขารับ ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อนแล้วพอทำไปได้สักพัก เริ่มรู้ตัวว่าไม่เหมาะ ไม่ใช่ตัวเรา อยากลาออก ย้ายงาน ก็กลัวจะถูกมองว่าไม่อดทน ไม่สู้งาน ก็เลยทนๆ ทำไปก่อน ให้ระยะเวลามันนานพอที่คนอื่นจะไม่มองเราไม่ดี ทั้งๆ ที่บางทีการก้าวออกมา นอกจากจะดีกับตัวเราแล้ว ก็ยังดีกับตัวบริษัท เพราะเขาก็จะได้ไม่เสียเวลา ได้คนใหม่ที่เหมาะกับเนื้องานมากกว่า แถมช่วยให้งานไปต่อได้เร็วขึ้นซะด้วยซ้ำ
หรือแม้แต่เรื่องของความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นแบบเพื่อน หรือแบบแฟน ที่อยู่ๆ ไป ก็มีแต่จะเจอเรื่องราว Toxic ให้เจ็บปวดหัวใจกันอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ต้องอดทนอยู่ ไม่กล้าถอยออกมา อาจเพราะกลัวคนจะมองไม่ดี หรือกลัวคนไม่เข้าใจ แล้วตีตราว่าเราเป็นคนเห็นแก่ตัวในความสัมพันธ์ กลายเป็นคนใจร้ายไปซะงั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยที่เราจะไม่ทน เพราะหลาย ๆ ครั้ง การทนต่อไปเรื่อยๆ ทนแบบไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากเราจะเสียใจและเสียเวลาแล้ว เรายังเสียโอกาสในการออกไปเจออะไรที่ดีกว่า หรือมีความสุขมากกว่าด้วยนะ
ลองคิดดูสิ ในวันที่เราต้องอดทนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ เราตัดโอกาสตัวเองในการที่จะได้เจอ ได้ทำ ในสิ่งที่ใช่ไปตั้งเท่าไหร่ เราอาจจะพลาดโอกาสบางอย่างไปก็ได้ แล้วบางโอกาสมันอาจจะไม่กลับมาหาเราอีกเลยก็ได้นะ
ลองชั่งน้ำหนักระหว่างการ “อดทน” ทำในสิ่งที่เราชัวร์ เรามั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างแน่นอน หรือจะลองเสี่ยง “เลิกอดทน” ไปหาสิ่งใหม่ ที่อาจจะใช่(หรือไม่ใช่) ก็ได้ … แต่อย่างน้อยมันก็มีโอกาสที่จะเป็นสิ่งที่ใช่มากกว่าการอดทนกับสิ่งเดิมต่อไปนะ
ถ้าอยากจะอดทนต่อไปอีกสักหน่อย ก็ควรอดทนแต่พอดีนะ อดทนพอให้รู้ อยู่แค่ให้พอแน่ใจ ว่าสิ่งไหนไม่เหมาะกับเรา และสิ่งไหนที่ทำแล้วเราไม่แฮปปี้ ถ้ารู้ชัดเจนแล้ว ก็ควรรีบมูฟออนให้ไว้ที่สุด ซึ่งถึงแม้ว่าการเลือกเดินออกมามันก็ไม่ได้ง่าย เราเข้าใจดีเลยล่ะ แต่เราเชื่อว่าข้างหน้าจะมีสิ่งดีๆ เป็นสิ่งที่จะไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าต้องฝืนทนรออยู่แน่นอน ลองพยายามก้าวออกมาดูสักครั้งนะ :)
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย สำหรับ CAMPHUB check me with Learn O Life อีพีนี้ ถ้าชอบ ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้มาเช็กจิตใจตัวเองไปด้วยกันเยอะๆ น้าาา และน้องๆ ยังสามารถอ่านบทความเพื่อเช็คสภาพจิตใจของตัวเองอีก ได้ที่นี่ แล้วถ้าจิตใจเราพร้อมแล้ว ก็พร้อมที่จะไปหาค่าย หากิจกรรมเข้าเพื่อค้นหาตัวเองกัน หาค่าย กิจกรรม โอเพนเฮ้าส์ ได้ง่ายๆ ที่ CAMPHUB.in.th ได้เลยจ้า สำหรับวันนี้ พี่ๆ CAMPHUB และ Learn O Life ต้องไปก่อน แล้วเจอกันในอีพีหน้าจ้า
เขียนโดย : พี่ๆ ทีมงาน Learn O Life
เรียบเรียงโดย : พี่นัจจี้ CAMPHUB