วันนี้ทาง CAMPHUB และ Twinkl นำคอนเทนต์ดีๆ มาฝากน้องๆ ที่กำลังเรียนในระดับชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นภาคปกติหรือภาคอินเตอร์ การเรียนในระดับมหาวิทยาลัยนั้น ส่วนมากจำเป็นต้องอ่านหนังสือหรือบทความที่เป็นภาษาอังกฤษ โดยเราได้รวบรวมเคล็ดลับฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อมาปรับใช้ทั้งในการเรียนและสอบ
มาเริ่มด้วย เทคนิคที่จะช่วยน้องๆ พัฒนาการอ่านกันเลยดีกว่า ไปดูกันเล้ยยย!
1.Skimming Reading
เหมาะสำหรับทำข้อสอบ และจับใจความอย่างรวดเร็ว
เคล็บลับอย่างแรกในการอ่านหนังสือและบทความภาษาอังกฤษ คือ Skimming Reading อธิบายอย่างง่ายๆ คือ อ่านอย่างรวดเร็วเพื่อจับใจความสำคัญ และ mood & tone ของบทความ โดยเทคนิคคือ การเลือกอ่านเฉพาะจุดสำคัญที่ครอบคลุมเนื้อหาของทั้งบทความ และข้ามรายละเอียดปลีกย่อยออกไป
จุดสำคัญที่ควรอ่านแบบ Skimming reading เพื่อเพิ่มความรวดเร็วมีดังนี้
- ย่อหน้าแรก และย่อหน้าสุดท้าย
- ประโยคแรก ประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้า
- หัวข้อย่อย
- หา Keyword หรือ คำที่เน้นตัวหนา (blod text)
- รูปภาพ หรือ กราฟ
โดยปกติแล้ว Skimming Reading จะใช้เวลาเร็วหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับความยาวและความยากของแต่ละเนื้อหา เราแนะนำว่าโดยประมาณน้องๆ ควรใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีต่อเนื้อหาภาษาอังกฤษ 1 หน้า เพราะปกติแล้วเทคนิคนี้จะถูกนำมาใช้ตอนสอบวัดระดับภาษาที่เวลาเป็นปัจจัยสำคัญ เช่น การสอบ Ielts, Toefl, Toeic
ตัวอย่างรูปแบบข้อสอบที่ต้องใช้ทักษะ Skimming มักจะเป็น Reading test ที่ต้องหาใจความสำคัญของแต่ละย่อหน้า และคำถามที่จำเป็นต้องกวาดตาหาคำศัพท์เฉพาะนั้นๆ ว่าอยู่ตำแหน่งใดของบทความ
ตัวอย่างแบบฝึกหัด Skimming Reading
How The Turtle Got Its Shell Differentiated Reading Comprehension Activity
2. Scanning Reading
เหมาะสำหรับทำข้อสอบ และคำถามที่ต้องหาข้อมูลเฉพาะ
เทคนิคนี้จะมีความคล้ายคลึงกับ Skimming reading แต่จุดแตกต่างที่สำคัญคือ เป็นการกวาดสายตาหาข้อมูลเพื่อมาตอบคำถามที่เฉพาะเจาะจง เช่น วันเวลา สถานที่ ชื่อบุลคล สิ่งของ โดยเทคนิคนี้จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการหาใจความสำคัญของบทความ แต่ใช้เพื่อหาคำตอบที่เกี่ยวข้องกับคำถามเท่านั้น
ตัวอย่างข้อสอบที่ต้องใช้ Scanning Reading
Rivers of the World Reading Comprehension Activity
3. Active Reading Style
เหมาะสำหรับการอ่านเพื่อให้เข้าใจและจดจำในระยะยาว
การอ่านแบบ Active reading ซึ่งเป็นการอ่านแบบเชิงรุก เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาของหนังสือหรือบทความ ยกตัวอย่างเช่น การอ่านหนังสือเพื่อทำการสอบที่ต้องใช้ความเข้าใจมากกว่าความจำในระยะสั้น ซึ่งทุกๆ ประโยคทีอ่าน น้องๆ จะต้องทำความเข้าใจว่าประโยคนั้นต้องการสื่อถึงอะไรและหมายความว่าอะไร โดยการอ่านแบบ active reading มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- ตั้งจุดประสงค์ของการอ่าน เช่น อ่านเพื่อเพิ่มความรู้ หรืออ่านทำความเข้าใจลึกเฉพาะหัวข้อ
- อ่านเนื้อหาโดยรวมคร่าวๆ ด้วย skimming reading เพื่อจับใจความสำคัญเบื้องต้น
- สรุปใจความสำคัญของแต่ละหัวข้อ
- ตั้งคำถามในประเด็นที่ไม่เข้าใจ
ลองฝึกการอ่านแบบ Active reading ไปกับอีบุ๊คของ Twinkl
The Ancient Egyptians eBook
4. Detail Reading
เหมาะสำหรับการอ่านเพื่อเพิ่มทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ และเพิ่มคำศัพท์ใหม่ๆ
เคล็บลับอย่างสุดท้ายคือการอ่านแบบ Detail Reading การอ่านแบบนี้เราจะอ่านและทำความเข้าใจในทุกประโยค รวมถึงคำศัพท์ทีไม่ทราบความหมาย ทีน้องๆ จะต้องเปิด Dictionary เพื่อหาความหมายและทำความเข้าใจหน้าที่ของคำศัพท์นั้นในประโยคนั้นๆ และยังช่วยให้น้องๆได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ด้วย
ตัวอย่างสื่อฟรี! เพิ่มคลังคำศัพท์ใหม่ ๆ จาก Twinkl
เป็นอย่างไรกันบ้าง กับ 4 เทคนิคการฝึกฝน Reading Skills ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ พัฒนาทักษะทางด้านการอ่าน และยังทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ ที่สามารถในไปใช้ในการเรียนหรือการสอบได้อีกด้วยถ้าน้องๆ สนใจการเรียนต่อต่างประเทศ การเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม อย่าลืมติดตามบทความของพวกเรา CAMPHUB up inter with Twinkl น้าาาาา พวกเราจะคอยนำบทความและความรู้ดีๆ มาฝากน้องๆ เสมออย่างแน่นอนน ไว้เจอกันอีพีหน้า!
เขียนโดย Twinkl
เรียบเรียงโดย พี่นัจจี้ CAMPHUB
ภาพประกอบโดย พี่เตย CAMPHUB