บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Warwick Institute
สิ่งที่น้องๆ และคุณพ่อคุณแม่จะได้จากบทความนี้
- พบกับเรื่องราวของ 3 คุณแม่ ผู้อยู่เบื้องหลังที่ช่วยสนับสนุนการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย
- บทสัมภาษณ์พี่บี ผู้ก่อตั้ง Warwick Institute และครูสอน SAT Math ผู้ทำให้นักเรียนได้ SAT Math 800 เต็มกว่า 300 คน
- รู้จัก “โค้ชลูกอย่างไรให้เอนท์ติด โปรแกรมอินเตอร์ฯ จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์” งานสัมนาที่ลูกๆ อยากให้พ่อแม่ได้ฟัง
หนึ่งในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในช่วงครึ่งแรกของชีวิตเรา ก็คือการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่รวมมิตรทั้งความพยายาม ความฝัน ความหวัง ความตั้งใจ ความกดดัน ความสำเร็จ ความล้มเหลว เอาไว้ด้วยกันอย่างเข้มข้น
เชื่อแน่ว่าไม่มีใครที่ไม่อยากจะสอบเข้าคณะและสาขาที่ตัวเองฝันไว้ได้ แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะไปถึงจุดหมาย และที่ความหวังครั้งนี้มันใหญ่หลวงนัก ก็เพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเราคนเดียว แต่ยังมีเหล่า Backup Players อีกหลายตำแหน่งที่รอลุ้นรอสู้ไปกับเรา
เชื่อเถอะว่าถ้าทีมเวิร์กและกำลังใจดี อะไรๆ ที่เหลือมันก็จะดีตามไปด้วยเหมือนตัวอย่างความสำเร็จของรุ่นพี่หลายครอบครัวนี้ที่มีทั้งพ่อและแม่เป็นฮีโร่คนสำคัญที่ช่วยผลักดันและสนับสนุน
แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ทุกครอบครัวต่างก็เคยผ่านปัญหากันมาแล้วทั้งนั้น แล้วอะไรที่มาช่วยผ่าทางตันให้กลายเป็นทางออกได้ เรามาค้นหาคำตอบร่วมกันไปกับบทสัมภาษณ์คุณแม่ฮีโร่เหล่านี้กันดีกว่า
ครอบครัวแรก
คุณแม่ วนิดา วงเวียน
พนักงานบริหารทั่วไประดับ 6 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
น้องโด่ง ชัญญู วงเวียน
นักศึกษาปีที่ 2 BE คณะเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ตอนแรกลูกชายก็ไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ ก็ติดเกมติดเพื่อนไปเรื่อยๆ
จนรอบแรกเพื่อนๆ เค้ายื่นเค้าได้กันไปหมด ลูกก็เสียใจ น้ำตาซึม แม่ก็ต้องให้กำลังใจกลัวลูกเราจะสติแตก บอกลูกว่าเพราะเพื่อนๆ เค้ามีความพร้อมมากกว่า แต่ไม่เป็นไรเราก็ยังมีรอบสุดท้าย จนเค้าฮึดขึ้นมาเอง ไปเรียนที่ Warwick Institute ทุกวันกลับถึงบ้านสามสี่ทุ่มก็มาติวที่บ้านต่อ ติวกับพี่บีกลับมาก็มาอ่านหนังสือ เอาโจทย์มาทำ เค้าตั้งเวลาทำแพลนทุกอย่างเขียนติดผนังไว้เลย จากคะแนนอ่อนกลายเป็นพุ่งปรู๊ดขึ้นมาเลย
แม่ก็สนับสนุนทุกทาง เอาไฟล์ชีทของเค้าไปพรินท์ให้ที่ทำงาน ดูแลทั้งเรื่องอาหารการกิน กำลังใจ ไม่ให้เค้าเครียด ในส่วนของโรงเรียนแม่ก็รับหน้าให้ เพราะน้องขาดเรียนทางผู้อำนวยการจะเรียกไปคุย แม่ก็ออกจดหมายรับรองให้ทุกอย่าง เพราะเรารู้ว่าลูกเราตั้งใจทำอะไรอยู่
ตัวพ่อกับแม่เองก่อนนี้ไม่ได้มีข้อมูลในเรื่อง TCAS และอะไรพวกนี้เลย
เพราะเราก็เป็นเด็กต่างจังหวัดแล้วข้อมูลพวกนี้ก็เยอะมาก เปลี่ยนแปลงทุกปี พ่อกับแม่ก็ต้องทำงาน แค่ทำงานก็หมดเวลาแล้ว แต่เพราะคิดว่าเราจะได้คุยกับเค้ารู้เรื่อง ให้กำลังใจเค้าให้ถูกจุด ก็เลยเข้าไปคุยกับที่ Warwick Institute จากที่ไม่ได้ติดตามหลักสูตร ไม่รู้อะไรเลย ก็ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นเยอะมาก รู้เลยว่าเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ลูกอยู่ ม.3 ก็ควรไปฟังได้แล้ว
พอคุยแล้วพิจารณากันแล้วก็มาตัดสินใจกันว่าควรมุ่งทางไหน สายอินเตอร์นี่ไม่ต้องใช้อะไรไปยื่นมากเท่าสายสามัญ และยังได้รู้ว่าการจะเข้าอินเตอร์ฯจุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์มีวิธีการของมันซึ่งไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยากขนาดนั้น ถ้ารู้ช่องเราก็ทำได้ ก็ตัดสินใจทิ้งสายสามัญเลย มามุ่งอินเตอร์ให้เต็มที่
ในส่วนของการคุยกับทางโรงเรียนแม่รับเอง ให้ลูกทุ่มเทของเค้าเต็มตัว ผลออกมาปรากฎว่าเค้าได้เรียนเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ก็ถือว่าสมใจ เพราะเค้าอยากเรียนแค่บัญชีหรือเศรษฐศาสตร์ของจุฬาฯ หรือธรรมศาสตร์เท่านั้น ทั้งที่ตอนแรกพ่อแม่ก็อยากให้เลือกคณะอื่นนะ แต่เค้ามุ่งมั่นมาก ถามเค้าว่าทำไมอยากเรียนด้านนี้เค้ามาบอกทีหลังว่าเพราะแม่เองแหล่ะที่เคยกรอกหูเค้าไว้ตั้งแต่เค้าอยู่ ม.2 ตัวแม่เองยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
ตอนนี้น้องก็ได้เรียนอย่างที่อยากเรียนแล้วเกรดเฉลี่ยเทอมล่าสุดก็ได้ 3.5 อีก แม่ปลื้มมากเลย
ครอบครัวที่สอง
คุณแม่ศศิธร กิจเจริญ
น้องแน็ต ชุติพล กิจเจริญ
ผู้บริหารบริษัท กิจเจริญ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด จบ BE คณะเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ ธรรมศาสตร์
น้องนิค คุณาพร กิจเจริญ
ผู้บริหารบริษัท กิจเจริญ มัลทิเทรด จำกัด จบ BBA คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อินเตอร์ฯ ธรรมศาสตร์
ตอนช่วงที่ลูกจะเอนท์นี่ จำได้ตอนนั้นที่บ้านการค้ากำลังรุ่งเรืองมาก
งานของพ่อกับแม่เลยยุ่งมาก เค้าอยากเรียนอะไรก็เลยปล่อยให้เค้าเลือก ให้เค้าตัดสินใจเลย ปล่อยอิสระ ไม่เคยกดดัน แต่ที่บ้านจะดูแลลูกอย่างดีใกล้ชิดมาตลอด ถึงแม่ต้องทำงานและมีพี่เลี้ยงช่วยเลี้ยงลูก แต่ก็ไม่เคยปล่อยลูกไว้กับพี่เลี้ยง แต่ก็เลี้ยงแบบธรรมดานะ ไม่ได้พิเศษอะไร อย่างตอนเอนท์ก็ไม่ได้บำรุงอะไรเป็นพิเศษ แค่เค้าอยากเรียนอะไรก็ให้เค้าเรียนเต็มที่
ช่วงนั้นให้พี่บีมาสอนที่บ้านแบบตัวต่อตัว สมัยแน็ตลูกชายคนโต ตอนนั้นพี่บียังเพิ่งอยู่ปีสอง แต่พอมาถึงตอนนิคก็ต้องไปเรียนที่สยาม แต่ทั้งที่บ้านเรา และญาติกับเพื่อนๆ ลูกก็เรียนกับพี่บีทุกคน และก็สอบติดกันทุกคน
แม่นี่รักพี่บีเหมือนลูกชายเลย มากินข้าวที่บ้านทุกวัน พี่บีจะคอยเข้มงวดและกระตุ้นลูกๆ ยิ่งกว่าแม่เองอีก พี่บีก็คอยว่าคอยสอน บอกว่าชีวิตน่ะมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดนะ แม่เองงานเยอะจนแทบไม่มีเวลา ได้แต่คอยบอกลูกว่าต้องพยายามเองนะ ถ้าอยากเข้าก็ต้องพยายาม
ลูกชายคนโตเค้าค่อนข้างหัวดี พี่บีเค้าแนะนำพาไปสอบ SAT แล้วไปสอบสัมภาษณ์เค้าก็ได้ สอบ BE (เศรษฐศาสตร์) ธรรมศาสตร์ติด ส่วนคนเล็กเข้า BBA อินเตอร์ฯ เพื่อนๆ ก็ติดทุกคน แล้วคะแนนเลขเค้าได้เยอะมาก
ตอนแรกแม่ก็กลัวบอกลูกว่าธรรมศาสตร์เข้ายาก
ไปสมัครมหิดลไว้ดีกว่า น่าจะง่ายกว่า กลัวลูกเอนท์ไม่ติด เสียเงินค่าสมัครก็เสียไป จุฬาฯ เค้าก็ไปสมัคร
แต่พอมาเรียนกับครูบี ครูบีบอกให้มุ่งมาเข้าธรรมศาสตร์ แล้วธรรมศาสตร์ก็ใกล้บ้านด้วย ก็เลยตั้งใจเข้าธรรมศาสตร์ แล้วเค้าก็ไม่ได้เรียนอะไรที่อื่นเลยนะ เรียนแค่กับครูบี ตั้งใจจะให้เข้าอินเตอร์ฯ แต่แรกอยู่แล้ว เพราะตั้งใจจะให้ไปต่อเมืองนอก คนโตจบแล้วก็ไปต่อบริหารที่สหรัฐอเมริกา ส่วนคนเล็กอยากไปเรียนอังกฤษเพราะบอกว่าที่อเมริกาหนาวเกินไป จบกลับมาก็มาช่วยพ่อแม่ได้ทั้งคู่
ตอนนี้ก็ปล่อยลูกบริหารไปเลย พ่อแม่ไม่ค่อยต้องดูแลอะไรแล้ว
ครอบครัวที่สาม
คุณแม่กันย์สินี วังถนอมศักดิ์
ธุรกิจส่วนตัว ฟาร์มไก่ไข่อำเภอบางเลน นครปฐม
น้องต้า ปนิตา โรจนภัทรากุล
ปี 3 BBA คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อินเตอร์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
น้องโดม่อน ชยธร โรจนภัทรากุล
ปี 1 BBA คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อินเตอร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ลูกสาวคนโตตอนแรกเรียนสายวิทย์
ช่วงใกล้จะเข้ามหาวิทยาลัยเค้าก็ค่อนข้างเครียดมาก กดดัน เพราะตัวเองมีเวลาน้อย เนื่องจากไป Student Exchange ต่างประเทศมา ก็จะรู้สึกว่าตามเพื่อนไม่ทัน ไม่ได้เรียนเลยปีนึง
แม่ก็ต้องให้กำลังใจ บอกเค้าว่าไม่จำเป็นต้องเรียนสายวิทย์ก็ได้นะ อย่าเครียด อย่าเหนื่อยเกินไป เค้าก็ไปหาข้อมูลของเค้ามาเองว่าจะไปเรียนพิเศษที่ไหนดี แล้วมาบอกแม่ว่าจะไปเรียนที่ Warwick Institute นะแม่ แม่เองอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มาก ลูกก็มาบอกให้แม่ไปนั่งฟัง แม่ก็ไป ฟังแล้วก็โอเค ทำให้มีความมั่นใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง
ตอนแรกลูกกังวลเยอะ และยังไม่รู้จักตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง แต่พอมาเรียนที่นี่ ด้วยความที่พี่บีใส่ใจ รู้จักเด็กทุกคน และให้กำลังใจตลอดเวลา ทำให้เค้ามีกำลังใจ เค้าบอกแม่ว่าแม่หนูฮึกเหิม มีความรู้สึกดีขึ้น พี่บีให้เทคนิคมา และทำให้เด็กมีเป้าหมายในชีวิต
ตอนช่วงนั้นเห็นเลยว่าเค้าตั้งใจมาก ไฟท์มากกว่าคนอื่น บ้านเราอยู่นครปฐม เลิกเรียนก็ต้องขับรถมาเรียนที่สยามทุกวันกลับบ้านเที่ยงคืน แม่กับป๊าก็ซัพพอร์ตเต็มที่ รอรับส่ง ให้กำลังใจ เพราะบางครั้งเค้าก็มีท้อ ร้องไห้ กดดันตัวเอง
แต่ทาง Warwick Institute ก็ช่วยเยอะ สมัครสอบให้ ใกล้วันก็คอยเตือนน้อง เวลาสอบแต่ละครั้งเค้าก็ข้ามขั้นไปสูงขึ้นๆ ถึงไม่ได้ที่หนึ่งแต่ก็เป็นที่หลักๆ ในห้อง เค้าก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นจนสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
พอมาถึงตอนลูกชายคนเล็ก จะต้องไป Student Exchange ที่ญี่ปุ่น
พี่สาวเค้าก็ช่วยวางแผนให้น้อง บอกให้ไปสมัครเรียน Warwick Institute ก่อน ได้ลองสอบลองอะไร ได้เรียนรู้บ้างคร่าวๆ
ช่วงที่อยู่ที่โน้น ก็เอาหนังสือ Warwick Institute ไปนั่งทำ เค้ารู้ว่าเค้าไม่ได้เรียนเหมือนเพื่อน ก็ต้องมีวินัย มีเวลาในการอ่านหนังสือ พอถึงเวลาใกล้สอบก็สมัครสอบจากที่นี่ไป ทาง Warwick Institute สมัครให้ แต่วันแรกก็ยังไปผิดที่ เพราะอยู่ต่างถิ่นไม่เคยไป ก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ทำให้ไปไม่ทัน รอบแรกก็เฟล รอบสองถึงได้ไปสอบ และพอกลับมาเค้าก็รู้ตัวเองว่ามีเวลานิดเดียว
ช่วงนั้นเลยทุ่มเทกับการไปเรียนที่ Warwick Institute เต็มที่ พี่บีก็ให้เต็มที่ด้วย แล้วอาจจะเพราะเคยเป็นเด็กเก่ามีพื้นฐานพอกลับมาสอบก็เลยง่ายขึ้นด้วย
ลูกสองคนได้ดีเพราะพี่บีจริงๆ
พี่บีเป็นทั้งเพื่อนทั้งครู ทำให้เด็กๆ มีกำลังใจในการสอบ ให้เด็กตั้งเป้าหมาย ให้เชื่อมั่นว่าต้องหวังให้สูงแล้วไปให้ได้ อาศัยเด็กอย่างเดียวคงไม่สร้างขวัญกำลังใจได้มากขนาดนี้ ต้องให้พี่บีทั้ง Push ทั้ง Pull
แม่ว่าอนาคตของเด็กอยู่ตรงช่วงเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหล่ะ เค้าจะได้แนวทางในชีวิต ได้เจอเพื่อน เจอสังคมแบบไหน ก็แค่ช่วงนี้เอง
เพราะฉะนั้นก็ทุ่มเทกับเค้าเถอะ แม่ว่าคุ้มนะกับที่เราทุ่มเทไปกับเค้า
บทสัมภาษณ์พี่บี
ได้ฟังทีมเวิร์กที่ดีระหว่างครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทั้ง 3 ครอบครัว ผู้สร้างเป้าหมาย สนับสนุน ทั้งข้อมูล ความรู้ และกำลังใจ ที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการผลักดันให้เอนท์ติดนี้ก็คือเกรียงศักดิ์ ไชยวินิจ หรือพี่บีของน้องๆ และคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง จะให้เห็นภาพรวมทั้งหมดจึงต้องมาฟังเรื่องราวจากปากพี่บีกันด้วย
ต้องยอมรับว่าจากประสบการณ์การสอนมา 22 ปี เจอเด็กหลายๆ เคส ทั้งเก่งมาก อ่อนมาก
สิ่งที่เราจะทำได้คือการสร้าง Motivation เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทำให้เค้ารู้สึกว่าความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม แต่เราจะเอามือไปหยิบอย่างไร
ที่ Warwick Institute จะมีคำว่า Success อยู่เต็มไปหมดรอบตัว มีทั้งโค้ดคำพูด ตัวอย่างความสำเร็จของรุ่นพี่ของเพื่อนๆ ให้เด็กๆ เห็นแรงบันดาลใจจากคนใกล้ตัว เพราะเราไม่ได้แค่สอนหนังสืออย่างเดียว อีก 10% เราต้องใส่ Motivation ให้เค้า เราพยายามเป็นทั้งพี่ชาย เป็นเพื่อน คอยลีด คอยโค้ชเค้า
อย่างเคสน้องแน็ตน้องนิคคือเด็กหัวดีอยู่แล้ว มีของอยู่แล้วแต่ไม่รู้วิธีการเอาออกมาใช้ ก็ต้องสะกิด ไม่ให้เค้าย่ำอยู่กับที่ คือทำได้แต่เลเวลที่ทำนี้มันดีที่สุดสำหรับเค้าหรือยัง ก็ต้องคุยกันเยอะ เข้าไปคลุกคลีตีโมงให้เด็กเปิดใจรับ
ผมจะถามเด็กทุกคนเลยว่า Have you done your best?
คือทุกคนจะมีความคิดเลยว่า I can only do best ที่นี่จะตั้งเป้าไว้แค่จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ในแง่บิสสิเนสแล้วถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่าจะเข้าที่อื่นก็ได้ มันก็จะดีกับบิสสิเนสกว่าด้วยซ้ำ แต่ที่นี่เราจะบอกให้ทำดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ต้อง Do your best ทุกๆ วัน และเมื่อทำได้มันจะเปลี่ยนชีวิตเราไปเลย
เคสที่ยากที่สุดคือคนที่ไม่มี Drive
จะอ่อนแค่ไหน เรียนแย่แค่ไหนก็ไม่กลัว แรงผลักดันคือสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งถ้าไม่มีต้องสร้าง ความสำเร็จของเด็กทุกคน 40% มาจากในใจเค้าเอง
อย่างน้องโด่งครั้งแรกที่เจอผมบอกเลยว่าคิดว่าเค้าจะไม่ติด เค้าเป็นคนที่อ่อนที่สุดในคลาสตอนนั้น เพิ่งเผยความลับนี้ให้เค้ารู้เมื่อไม่นานนี้ ซึ่งการที่เค้าไม่เก่งเค้าต้องใช้เวลาเยอะและยาวกว่าคนอื่น สำคัญต้องไม่ Give Up
บางทีด้วยระยะเวลานานจะทำให้ Give Up ง่ายๆ กับเคสแบบนี้ต้องตั้งเป้าทีละสเต็ปให้เพิ่มลิมิตขึ้นเรื่อยๆ ให้ Reachable เอาแค่พอผ่าน ตั้งไว้ที่อันดับสองหรือสามก่อน อย่างน้อยให้ Make Progress แล้วลิมิตจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเค้าทำได้
และที่ใจฟูมากคือเมื่อวันครูที่ผ่านมา โด่งมาไหว้แล้วบอกข่าวว่าเค้าได้เกรด 3.5 กว่า ซึ่งสำหรับ BE มันยากมาก มีโอกาสที่จะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ผมตะโกนลั่นโรงเรียนเลย แล้วบอกทุกคนว่าอยากแบ่งปันความสุขนี้ มันทำให้รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร
การสะกิด ว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง ทำให้คนๆ นึงเรียนรู้ว่าการเอนท์ติดมันไม่ยาก คุณพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองรึป่าว คุณจะติดเกม ติดซีรีย์ก็ได้ ดูหนังได้ เที่ยวกลางคืนได้ ความสำเร็จมันไม่ไปไหน ขอแค่สักสองปี ทำได้แน่ถ้าไม่ยอมแพ้
ส่วนอีกเคสของน้องต้า น้องโดม่อนด้วยความเครียด มาพร้อม Motivation อยู่แล้ว แต่มาช้ามาก
สิ่งที่ต้องทำไม่ต้องสร้าง Motivation แต่ทำให้เค้ารู้ว่ามี Hope แต่ผมจะบอกตลอดว่าไม่กลัวคนฉลาดแต่กลัวคนขยัน ถ้าขยัน Timing แค่ไหนก็ไหว แต่ข้อหนึ่งคือน้องจะต้อง Suffer เพราะคนอื่นเตรียมมาเป็นปี แต่เราจะต้องใช้เวลาสี่เดือนที่เหลือเท่ากับคนที่ใช้เวลามาเป็นปี เราจะหลังชนฝาแต่ต้องทำทุกนาทีให้มีคุณค่า
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมบอกเด็กๆ ตลอดคือ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอนท์ติดรึป่าว แต่สิ่งที่ทำวันนี้ไม่ว่าวันนี้หรือสักวัน หรือที่ไหนเมื่อไหร่ ความสำเร็จมันต้องมาแน่นอน
การเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้จะเปลี่ยนได้ตลอดชีวิต มันเป็นแค่ใบเบิกทาง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สำเร็จ
ส่วนโดม่อนโชคดีที่เตรียมตัวก่อนไป มีพื้นฐาน กลับมาขมวดอีกนิดก็ได้ ตอนน้องต้านี่ร้องไห้ทุกวัน จนถึงวันสุดท้ายที่เปิดผล ยังร้องอยู่ แต่เป็นน้ำตาของความดีใจแล้ว ซึ่งผมต้องอยู่กับเค้าอยู่แล้วตอนนั้น เพราะพวกนี้จะ Fragile ง่าย พอรู้ผลก็ร้องเลยด้วยความดีใจ
อย่างที่บอกคือต้องทำให้เด็กรู้ว่าจะพัฒนาตัวเองยังไง อย่างการได้คะแนน Math เต็มมันไม่ยากเลย สิบปีที่ผ่านมาผมจัดเป็นคนไทยคนแรกที่ทำให้เด็กได้คะแนนเต็ม 800 ถึงกว่า 300 คน จริงๆ มีมากกว่านี้ที่หลุดไปไม่ได้เก็บข้อมูลไว้ ถ้าเราไม่ตั้งเป้า เราก็จะไม่ได้คนที่ได้เต็มเยอะขนาดนี้ ขอให้มุ่งมั่นก็พอ
อย่างล่าสุดมีเด็กคนนึงเค้าลงกับผมทุกตัว ทุกเบรกเค้าไม่เคยเบรกเลย เค้ามุ่งมั่นมาก ผมแค่มองเค้า เห็นแค่นี้ผมก็แฮปปี้แล้ว เพราะความสำเร็จของพวกเค้าคือความสำเร็จของผม
โค้ชลูกอย่างไรให้เอนท์ติด โปรแกรมอินเตอร์ฯ จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์
ทุกคนเคยมีปัญหา แต่ทุกคนก็ล้วนมีทางแก้ และถ้าคุณเองก็มีปัญหาและอยากหาทางแก้ ขอแนะนำให้คุณมาร่วมงานสัมมนานี้
พบกันวันที่ 29 กันยายน 2562
เวลา 8:30 – 16:00 น.
ณ ห้องประชุม เกษม สุวรรณกุล ชั้น 13 อาคารเกษม อุทยานิน (รัฐศาสตร์ 60 ปี) คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่วมเรียนรู้และทำความเข้าใจจากประสบการณ์ตรงของผู้ปกครองจากหลากหลายวงการที่ผ่านการเผชิญหน้าและหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้มาแล้ว
พร้อมคำแนะนำที่ตรงจุดและใช้ได้จริงของพี่แบงค์ อภิชัย ไชยวินิจ ประธานสถาบันวอร์ริค และพี่บี เกรียงศักดิ์ ไชยวินิจ ผู้ก่อตั้ง Warwick Institute โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของกว่า 3,000 ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จนำพาลูกๆ ของตนเข้าสู่รั้วจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์
โดยทั้งสองท่านจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์เจาะลึกให้เห็นถึงปัญหาและหาทางแก้ที่แน่ใจได้ พร้อมร่วม Workshop วิเคราะห์เจาะลึก TCAS โปรแกรมอินเตอร์ฯ จุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ แบบชัดเจน รู้จริง และลึกพอ พร้อมเปิดโอกาสให้พูดคุยปรึกษากับทีมผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญจาก Warwick Institute ได้อย่างใกล้ชิด
- รับจำนวนจำกัดเพียง 100 ครอบครัว
- ค่าสมัครราคาปกติ 250 บาทต่อท่าน
- ค่าสมัคร Early Bird เพียง 199 บาทต่อท่าน (สมัครภายในวันที่ 8 กันยายน 2562)
- พิเศษนักเรียนสามารถนำบัตรมาแลกใช้เป็นส่วนลด 250 บาทในการสมัครสอบ SAT, IELTS หรือค่าคอร์สเรียนที่ Warwick Insitiute ได้ทันทีหลังจบงาน
งานสัมนาที่ลูกอยากให้พ่อแม่ได้ฟัง
สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ – 22 กันยายน (หรือจนที่นั่งหมด)
ดูรายละเอียดกิจกรรม สอบถามพี่ๆ ทาง Facebook LINE @warwick สมัครออนไลน์ตรงนี้เลย!
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-658-4880